วินัยข้าราชการ
วินัยข้าราชการพลเรือน
http://www.nesac.go.th/document/show11.php?did=10040004
เมื่อข้าราชการกระทำความผิดวินัยเกิดขึ้น จะอ้างว่าไม่รู้วินัย ไม่รู้ระเบียบ ไม่รู้กฎหมาย เพื่อให้ตนเองพ้นจากความรับผิดย่อมมิได้… โดยทั่วไปแล้วข้าราชการส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไม่เห็นความสำคัญในเรื่องวินัยข้าราชการเท่าที่ควร และกฎหมายเกี่ยวกับวินัยข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก โดยมีพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เป็นกฎหมายหลักเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย นอกจากนี้ยังมี กฎ ก.พ. ระเบียบ มติ ครม. คำสั่ง หนังสือเวียน ธรรมเนียมปฏิบัติและนโยบายของรัฐบาลอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันข้าราชการ พลเรือนยังคงถูกลงโทษทางวินัยอยู่เสมอ มีทั้งกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และวินัยไม่ร้ายแรง บางรายต้องโดนปลดออกจากราชการ บางรายต้องโดนไล่ออกจากราชการ จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายความรู้ความสามารถของข้าราชการที่ต้องถูกลงโทษทางวินัย ที่อุตส่าห์เล่าเรียนมา แต่ต้องมาถูกลงโทษทางวินัยเพราะขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องวินัยข้าราชการ
http://www.nesac.go.th/document/show11.php?did=10040004
เมื่อข้าราชการกระทำความผิดวินัยเกิดขึ้น จะอ้างว่าไม่รู้วินัย ไม่รู้ระเบียบ ไม่รู้กฎหมาย เพื่อให้ตนเองพ้นจากความรับผิดย่อมมิได้… โดยทั่วไปแล้วข้าราชการส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไม่เห็นความสำคัญในเรื่องวินัยข้าราชการเท่าที่ควร และกฎหมายเกี่ยวกับวินัยข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก โดยมีพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เป็นกฎหมายหลักเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย นอกจากนี้ยังมี กฎ ก.พ. ระเบียบ มติ ครม. คำสั่ง หนังสือเวียน ธรรมเนียมปฏิบัติและนโยบายของรัฐบาลอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันข้าราชการ พลเรือนยังคงถูกลงโทษทางวินัยอยู่เสมอ มีทั้งกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และวินัยไม่ร้ายแรง บางรายต้องโดนปลดออกจากราชการ บางรายต้องโดนไล่ออกจากราชการ จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายความรู้ความสามารถของข้าราชการที่ต้องถูกลงโทษทางวินัย ที่อุตส่าห์เล่าเรียนมา แต่ต้องมาถูกลงโทษทางวินัยเพราะขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องวินัยข้าราชการ
ข้าราชการพลเรือน มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 บัญญัติว่า ข้าราชการพลเรือนหมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณในกระทรวง กรมฝ่ายพลเรือน
วินัยข้าราชการพลเรือน หมายความถึง กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือแบบแผน ความประพฤติที่กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนพึงควบคุมตนเอง และควบคุมผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้ประพฤติหรือปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่เชื่อถือแก่บุคคลทั่วไป เหตุที่ต้องมีวินัยข้าราชการพลเรือน เพราะข้าราชการพลเรือนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในการบริหารราชการและปกครองอำนวยความสะดวกบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร นับว่าเป็นตัวจักรสำคัญที่จะนำมาซึ่ง ความเจริญหรือความเสื่อมให้แก่ประเทศชาติ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ข้าราชการพลเรือนจะต้องทำตนให้เป็นที่เชื่อถือของประชาชน โดยการทำตนเป็นคนดีอยู่ในระเบียบวินัยอันดี ตั้งใจปฏิบัติราชการด้วยความเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยเรียบร้อยและเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น หากข้าราชการพลเรือนไม่อยู่ในระเบียบวินัยอันดี นอกจากจะ ทำให้เสื่อมเสียเกียรติของความเป็นข้าราชการแล้ว ยังทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือศรัทธาในรัฐบาล อันจะมีผลกระทบกระเทือนทำความเสียหายมาสู่ประเทศชาติ และประชาชนโดยส่วนรวมด้วย วินัย ข้าราชการพลเรือนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมี และข้าราชการพลเรือนทุกคนจะต้องรักษาวินัยโดย เคร่งครัดอยู่เสมอ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้าม หรือไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติทางวินัยตามที่บัญญัติไว้ ย่อมถือว่า ผู้นั้นกระทำผิดวินัย และจะต้องได้รับโทษตามที่กำหนดไว้ แต่เป้าหมายของวินัยข้าราชการพลเรือน มิได้อยู่ที่การลงโทษแต่เพียงอย่างเดียว ควรมุ่งในด้านการเสริมสร้าง และพัฒนาเพื่อให้ข้าราชการ พลเรือนมีวินัยที่ดีด้วย สำหรับเรื่องต่าง ๆ ที่จะได้กล่าวต่อไปนั้น จะอธิบายและชี้แจงเฉพาะในเรื่อง ที่เกี่ยวกับวินัยข้าราชการพลเรือนสามัญเท่านั้น โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. ความสำคัญ วินัยข้าราชการพลเรือนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล วินัยจึงมีความสำคัญต่อราชการเป็นส่วนรวม และต่อตัวข้าราชการในการประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับการเป็นข้าราชการ
2. จุดมุ่งหมายของวินัยข้าราชการพลเรือน
2.1 เพื่อให้ราชการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
2.2 เพื่อความเจริญและความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ
2.3 เพื่อความผาสุกของประชาชน
2.4 เพื่อสร้างภาพพจน์ชื่อเสียงที่ดีของระบบราชการ
2.1 เพื่อให้ราชการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
2.2 เพื่อความเจริญและความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ
2.3 เพื่อความผาสุกของประชาชน
2.4 เพื่อสร้างภาพพจน์ชื่อเสียงที่ดีของระบบราชการ
3. ผู้มีหน้าที่ในการรักษาวินัย 3.1 ผู้บังคับบัญชา
3.2 ข้าราชการทุกคน
3.2 ข้าราชการทุกคน
ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ในการรักษาวินัยของผู้ใต้บังคับบัญชา 3 แนวทาง คือ
1. เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีวินัยโดยการ
- ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี
- การฝึกอบรม
- การสร้างขวัญและกำลังใจ
- การจูงใจ
- การอื่น ๆ
- ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี
- การฝึกอบรม
- การสร้างขวัญและกำลังใจ
- การจูงใจ
- การอื่น ๆ
2. ป้องกันมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิดวินัยโดยการ
- เอาใจใส่
- สังเกตการณ์
- ขจัดเหตุ
3. ปราบปรามผู้กระทำผิดวินัย
- กรณีมีมูล ให้ดำเนินการทางวินัยทันที
- กรณีมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้กล่าวหา หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยโดยยังไม่มีพยานหลักฐาน ให้สืบสวนหรือพิจารณาในเบื้องต้นก่อน
- กรณีมีมูล ให้ดำเนินการทางวินัยทันที
- กรณีมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้กล่าวหา หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยโดยยังไม่มีพยานหลักฐาน ให้สืบสวนหรือพิจารณาในเบื้องต้นก่อน
ผู้บังคับบัญชาละเลยหรือปฏิบัติโดยไม่สุจริต ถือว่ากระทำผิดวินัย
4. โทษทางวินัย
โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ
โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ
4.1 ความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง
1. ภาคทัณฑ์ เป็นโทษสำหรับกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อย หรือมีเหตุอันควรลดหย่อน ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษตัดเงินเดือน
นอกจากนี้ กรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อยและมีเหตุอันควรงดโทษจะงดโทษให้โดยให้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนก็ได้
ผู้ถูกลงโทษภาคทัณฑ์ ไม่มีข้อห้ามไม่ให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี ดังนั้นหากผู้นั้นมีคุณสมบัติที่จะเลื่อนขั้นเงินเดือน ก็อาจได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีได้
2. ตัดเงินเดือน เป็นการลงโทษตัดเงินเดือนเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนและเป็นจำนวนเดือน เช่น ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน เมื่อพ้นเวลา 2 เดือนแล้วก็จะได้รับเงินเดือนตามปกติ
ผู้ถูกลงโทษตัดเงินเดือน จะไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีในปีนั้น
3. ลดขั้นเงินเดือน เป็นการลงโทษลดขั้นเงินเดือนของผู้กระทำผิดลงเป็นจำนวนขั้นของเงินเดือน เช่น ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น จาก 5,560 บาท เป็น 5,260 บาท
ผู้ถูกลงโทษลดขั้นเงินเดือนจะไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีในปีนั้น
4.2 ความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
4. ปลดออก เป็นการลงโทษผู้กระทำผิดให้พ้นจากราชการ โดยได้รับบำเหน็จ บำนาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ
5. ไล่ออก เป็นการลงโทษผู้กระทำผิดให้พ้นจากราชการ โดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ
เป็นการลงโทษผู้กระทำผิดให้พ้นจากราชการ โดยได้รับบำเหน็จ บำนาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ เป็นการลงโทษผู้กระทำผิดให้พ้นจากราชการ โดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ
การลงโทษปลดออก หรือไล่ออกจากราชการจะต้องมีการแต่งตั้งกรรมการ สอบสวนว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหา และคณะกรรมการสอบสวนหรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาส่งเรื่องให้ อ.ก.พ.จังหวัด อ.ก.พ.กรม หรือ อ.ก.พ.กระทรวง พิจารณา เมื่อ อ.ก.พ.ดังกล่าวมีมติเป็นประการใด ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งหรือปฏิบัติไปตามนั้น
5. การดำเนินการระหว่างการสอบสวนพิจารณาทางวินัย
5.1 การพักราชการ
5.2 การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
5.1 การพักราชการ
5.2 การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
6. การอุทธรณ์และร้องทุกข์
6.1 การอุทธรณ์เป็นหลักประกันความเป็นธรรมแก่ข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัยหรือถูกสั่งให้ออกจากราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 110 (1) (3) (5) (6) (7) และ(8) โดยผู้ถูกลงโทษทางวินัยหรือถูกสั่งให้ออกจากราชการมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบ หรือถือว่าทราบคำสั่งตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
6.2 การร้องทุกข์เป็นหลักประกันความเป็นธรรมแก่ข้าราชการ กรณีข้าราชการ มีความคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติต่อตนของผู้บังคับบัญชา และกรณีที่ไม่อาจอุทธรณ์ตามหมวด 9 ว่าด้วยการอุทธรณ์ได้ ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิร้องทุกข์ได้โดยการร้องทุกข์ที่เหตุเกิดจากผู้บังคับบัญชาให้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไป และการร้องทุกข์ที่เหตุเกิดจากหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือนายกรัฐมนตรีให้ร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.
กลุ่มงานกฎหมาย
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
มีนาคม 2553
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
มีนาคม 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น