วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สุขภาพองค์การ

สุขภาพองค์การ
การพัฒนาประเทศต้องเริ่มจากการพัฒนาสุขภาพองค์การ
เบญจมาศ หล่อสุวรรณกุล

                 จาก สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมโลกในด้านต่างๆ อาทิ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม การเมือง สิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี การสื่อสารและข้อมูลข่าวสาร มีผลทำให้สภาพสัง คมไทย มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อภาวะสุขภาพของคนไทยโดยทำให้สถานะทาง สุขภาพ และลักษณะโรคในสังคมเปลี่ยนไป จากโรคติด ต่อเป็นโรคไม่ติดต่อ ภาระค่าใช้จ่าย ในการดูแลสุขภาพสูงขึ้น เนื่องจากค่าใช่จ่ายถูกใช้เพื่อการรักษามากกว่าการส่งเสริมสุขภาพ ประชาชนไม่ได้รับบริการที่ได้มาตรฐานอย่างเสมอภาค เนื่องจากการบริ หารจัดการของหน่วยงานด้านสุขภาพขาดการเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่น  การกระจายทรัพยากรสา ธารณสุข ทั้งวัสดุอุปกรณ์และทรัพยากรบุคคลยังมีปัญหา โดยเฉพาะในระดับปฐมภูมิ ส่งผลให้เกิดปัญหาการบริการไม่มีคุณภาพ ประชาชนขาดการเข้าถึงบริการ และขาดความเท่าเทียมกันของการใช้บริการสุขภาพ
                ส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อภาวะสุขภาพของคนไทยโดยทำให้สถานะทาง สุขภาพ และลักษณะโรคในสังคมเปลี่ยนไป จากโรคติดต่อเป็นโรคไม่ติดต่อ ภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพสูงขึ้น เนื่องจากค่าใช่จ่ายถูกใช้เพื่อการรักษามากกว่าการส่งเสริมสุขภาพ ประชาชนไม่ได้รับบริการที่ได้มาตรฐานอย่างเสมอภาค เนื่องจากการบริหารจัดการของหน่วยงานด้านสุขภาพขาดการเชื่อมโยงกับหน่วยงาน อื่น การกระจายทรัพยากรสาธารณสุข ทั้งวัสดุอุปกรณ์และทรัพยากรบุคคลยังมีปัญหาโดยเฉพาะในระดับปฐมภูมิ ส่งผลให้เกิดปัญหาการบริการไม่มีคุณภาพ ประชาชนขาดการเข้าถึงบริการ และขาดความเท่าเทียมกันของการใช้บริการสุขภาพ
                ด้วยปัจจัยแวดล้อมหลายประการที่กระตุ้นให้โรงเรียนต้องการการรับรองคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อ บัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันเรื่องการให้บริการที่ได้ มาตรฐาน การที่โรงพยา บาลของรัฐถูกผลักดันให้แปรสภาพเป็นองค์การมหาชน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ภาวะโลกาภิวัตน์ รวมถึงการเปิดเสรีทางการเงิน อีกทั้งจากภาวะกีดกันทางด้านการค้า ตลอดจนการที่ผู้รับบริการมีระดับการศึกษาที่สูงขึ้นอีกทั้งมีแหล่งให้ความ รู้ต่างๆ จึงมีความคาดหวังที่จะได้ รับบริการที่ได้รับมาตรฐานและมีคุณธรรมเพิ่มสูงขึ้น การประกาศรับ รองสิทธิผู้ป่วย การประกาศใช้กฎ หมายข้อบังคับใหม่ๆ (วีรวรรณ เกิดทอง 2543 : 1) อีกทั้ง กระทรวงสาธารณสุขและสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้โรง พยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่ว ไปทุกแห่งให้เป็นโรงพยาบาลคุณภาพเต็มร้อย เมื่อสิ้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8(2540 – 2544) โดยการนำหลักการและวิธีการตามแนวคิดการจัดการคุณภาพโดยองค์รวมมาเป็นกลยุทธ์ ในการปฏิบัติงาน ทำให้โรงพยาบาลในสังกัดรัฐและเอกชน ตื่นตัวในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพ
                การที่โรงพยาบาลจะได้รับการรับรองคุณภาพได้นั้น แสดงให้เห็นว่า โรงพยาบาลมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพอย่างจริงจังทั่วทั้งองค์การ มีระบบป้องกัน และจัดการกับความเสี่ยงต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบประกันคุณภาพที่ได้มาตรฐาน มีกระบวนการพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง มีระบบตรวจสอบตนเอง มีระบบการควบคุม ติดตามและกำกับการให้บริการรักษาพยาบาลตามมาตรฐาน และคงไว้ซึ่งจรรยาบรรณวิชาชีพที่น่าเชื่อถือ เป็นที่ไว้วางใจ มีการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ มีการนำองค์การที่เข้มแข็ง มีทรัพยากรที่เหมาะสมกีบงาน และเพียงพอที่จะบรรลุคุณภาพตามที่ต้องการ (สิทธิศักดิ์ พฤกษ์ปิติกุล. 2543:17) การที่จะดำเนินงานเหล่านี้ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น องค์การถ้าเปรียบเหมือนเป็นบุคคลนั้นจะต้องมีสุขภาพที่สมบูรณ์ เพราะสุขภาพองค์การนั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้บ่งว่า องค์การนั้นมีความสามารถและพร้อมเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงและจะสามารถ ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือผ่านพ้นอุปสรรคนั้นๆไปได้ จนประ สบความสำเร็จได้หรือไม่ (Blair and Meadows.1996 : 9)
                ซึ่ง (Miles.1973 :435) ได้ให้ความหมายไว้ว่า องค์การที่มีสุขภาพสมบูรณ์ (Healthy Organization) ก็คือ การที่องค์การที่ไม่เพียงแต่จะดำรงกิจการอยู่ได้ในสังคม สิ่งแวดล้อมที่ตั้งอยู่ แต่เป็นองค์การที่สามารถเผชิญต่อปัญหาได้อย่างเหมาะสม สามารถพัฒนาและขยายกิจการออกไปไม่หยุดยั้ง ซึ่งการที่องค์การที่มีสุขภาพสมบูรณ์ และมีผลผลิตที่ดีทั้งปริมาณและคุณภาพ อีกทั้ง องค์การจะมีชื่อ เสียงเป็นที่ยอมรับในสังคม รวมถึงสมาชิกในองค์การมีความสุข มีความพึงพอใจในงาน มีความผูกพันต่อหน่วยงาน ร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุเป้าหมาย มีการตัดสินใจที่เหมาะสม รวมถึงความขัดแย้งในองค์การได้รับการแก้ไข และ(Daft.1986 : 105) ประสบผลสำเร็จในระบบการเงิน ผู้ปฏิ บัติงานมีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ พึงพอใจในการปฏิบัติงานและวัฒนธรรมองค์การ มีส่วนร่วมในการนำองค์การสู่การเปลี่ยนแปลง (Cooper and Cartwright.1994 : 462) นอกจากนั้น องค์การที่มีสุขภาพสมบูรณ์ได้นั้นจะต้องเป็นองค์การที่สมาชิกมีการทำงานเป็น ทีม รู้สึกจงรักภักดีและมีความยึดมั่นผูกพันต่อองค์การ มีระบบการให้รางวัลที่ยุติธรรมและเพียงพอ ส่งผลให้องค์การมีประสิทธิผลในที่สุด
                จะเห็นได้ว่า ความหมายสุขภาพองค์การที่สอดคล้องกันนั่นก็คือ การเปรียบองค์การเป็นเสมือนตัวบุคคล ถ้าบุคคลมีสุขภาพไม่แข็งแรงแล้ว ก็ไม่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ เช่นเดียวกับ องค์การไม่แข็งแรงแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในองค์การ และไม่สามารถผ่านพ้นสู่การเปลี่ยนแปลงไปได้เลย
                จะพบว่า หากองค์การมีสุขภาพสมบูรณ์ แสดงว่า องค์การพร้อมจะก้าวสู่การเปลี่ยนแปลง และทำให้องค์การประสบความสำเร็จ จึงถือได้ว่า สุขภาพองค์การ เป็นเกณฑ์หนึ่งที่เป็นตัวที่จะบ่งบอกถึงประสิทธิผลองค์การ
                ในการศึกษาสุขภาพองค์การ สามารถศึกษาได้จากบุคลากรในองค์การ สำหรับบุคลากรของหน่วยงานต่างๆในโรงพยาบาล หน่วยงานที่มีบุคลากรมากที่สุด คือ กลุ่มงานการพยาบาล จึงนับได้ว่า บุคลากรพยาบาลมีความสำคัญและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้นโยบายด้าน สาธารณสุขของประเทศนั้นได้บรรลุเป้าหมาย (ทัศนา บุญทอง.2542 : 51) อีกทั้ง พยาบาลเป็นบุคลากรที่สำคัญของโรงพยาบาลที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้รับบริการมาก ที่สุด  ต้องอยู่กับงานบริการมากที่สุด จึงถือได้ว่าเป็นกลุ่มบุคลากรที่สามารถจะสร้างสรรค์คุณภาพ ตลอดจนพัฒนาองค์การพยาบาลได้พัฒนา  และมีความเจริญ ก้าวหน้า นำมาซึ่งชื่อเสียงของโรงพยาบาลในที่สุด(พวงรัตน์ บุญญานุรักษ์.2537:23) ฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่กลุ่มงานการพยาบาลมีสุขภาพองค์การสมบูรณ์แล้ว ย่อมส่งผลให้การดำเนินงานของโรงพยาบาลบรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด นโยบายไว้
                องค์การในโรงพยาบาลจะประกอบด้วยองค์การย่อยๆหลายๆองค์การประกอบกัน ซึ่งประกอบ ด้วย กลุ่มงานการพยาบาล กลุ่มเทคนิคบริการทางการแพทย์ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม ฝ่ายธุรการ ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายพัสดุและบำรุงรักษา จะพบว่า มีปัญหาในเรื่องการติดต่อสื่อสาร อีกทั้งความขัด แย้งส่วนบุคคล รวมถึง การแข่งขันแย่งชิงทรัพยากรในหน่วยงาน การมอบหมายภารกิจและอำนาจหน้าที่ การกระจายอำนาจ การใช้คณะกรรมการ (นิตยา เงินประเสริฐศรี.2541: 222) รวมถึงการปรับตัวค่อนข้างล่าช้า ส่งผลให้องค์การไม่สามารถที่จะแข่งขันกับคู่แข่งขันได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการประสานกิจกรรมต่างๆของผู้ปฏิบัติงาน จากการมีมาตรฐานจะช่วยทำให้บุคลากรรับรู้การเบี่ยงเบนได้ง่ายขึ้น และสามารถดำเนินแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว (นิตยา เงินประเสริฐศรี.2541:231) ซึ่ง Miles (1973) กล่าวว่า องค์การที่มีสุขภาพสมบูรณ์ได้นั้น จะต้องมีการใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม มีการกระจายอำนาจอย่างทั่วถึง และมีระบบการติดต่อสื่อสารที่ดี ฟิฟเนอร์และเชอร์วูด (Pfiffner and Sherwood. 1960: 30) ได้เสนอแนวคิดไว้ว่า องค์การเป็นระบบของการร่วมกันทำงานที่ซับซ้อนของบุคคลจำนวนมาก ยากที่จะสามารถติดต่อกันได้โดยตรงอย่างทั่วถึง จำ เป็นที่จะต้องสร้างระบบการทำงานขึ้นมา เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ ดังนั้นโครงสร้างขององค์การจึงมีความเกี่ยวพันกันกับบุคลิกภาพและความต้อง การรวมทั้งพฤติกรรมการทำงานของแต่ละบุคคลในองค์การ(Robert G. Owens, 1995: 54) องค์การหรือหน่วยงาน สามารถแสดงลักษณะเฉพาะของแต่ละองค์การได้เองไม่ต่างไปจากบุคลิกภาพของบุคคล ลักษณะ เฉพาะของแต่ละองค์การเรียกว่าบรรยากาศขององค์การ (organization climate) ซึ่ง จอร์จ ลิทวินและโรเบอร์ต สตริงเกอร์ (George Litwin and RobertStringer, 1968: 1) ให้ความหมายของคำว่าบรรยากาศองค์การว่า หมายถึงคุณลักษณะที่สามารถวัดได้จากสภาวะแวดล้อมทั้งมวลในการทำงาน ที่บุคคลอาศัยอยู่และปฏิบัติ ภารกิจอยู่ภายในสภาพแวดล้อมนั้นและมีความสามารถรับรู้ได้ และในการประเมินลักษณะขององค์การที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์นั้น (Blair,G.,and Meadows, S.1996 : 13-14)
การประเมินสุขภาพองค์การ สามารถประเมินได้จาก
1) โครงสร้างองค์การ
-   โครงสร้างด้านอำนาจมีผลมากกว่าคำสั่งในการอนุมัติ
-   ผู้บริหารผลักดันอำนาจลงสู่เบื้องล่าง แต่การถ่ายโอนอำนาจและกระจายอำนาจไม่ตรงตามความเป็นจริง
-   การดำเนินงานมีหลายขั้นตอน ก่อให้เกิดความผิดพลาด
-   วัตถุประสงค์ขององค์การไม่ชัดเจน
-  บทบาทและความรับผิดชอบไม่ชัดเจนและมีคาบเกี่ยวกัน
-   บุคลากรในองค์การกึ่งหนึ่งไม่มีความคิดสร้างสรรค์ในงานที่รับผิดชอบ
-   การปฏิบัติงานทั้งภายในและนอกองค์การมีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น
2)     การออกแบบและกระบวนการทำงาน
-      บุคลากรในองค์การถูกครอบงำจากองค์การในการดำเนินงาน กฎระเบียบและธรรมเนียมประเพณีเก่า
-      งานเอกสารมีมาก
-      มีการพบปะกันตลอด ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ขาดการติดตามงาน
3)    ทัศนคติของผู้บริหาร
-      ผู้บริหารไม่มีการพัฒนาบุคลากรเนื่อง-  จากกลัวว่าบุคลากรมีความคิดมากกว่าตน
-      ผู้บริหารระดับสูงอยู่ในตำแหน่งนาน
-      ข้อเสนอแนะในการทำงานจะต้องรอการตัดสินใจว่าถูกต้องจากผู้บริหาร
-      ความคิดใหม่ๆหรือพรสวรรค์จะหยุดลงจากกระบวนการบริหาร
-      ความเครียดทำให้ปราศจากการปรึกษาในเรื่องที่มีความสำคัญในการตัดสินใจ
4)    แรงจูงใจและการรวมพลังของบุคลากร
-      การเข้าสู่ตำแหน่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์และไม่มีกระบวนการ
-      บุคลากรรู้สึกว่าตนเองไม่คุณค่า
-      แรงงานในการทำงานยังคงที่แม้ว่าจะมีบุคลากรบางส่วนออกไป
-      มีข่าวลือมากมายในองค์การ
-      การลาออกของผู้บริหารทำให้บุคลากรดีใจ
-      การมีบุคลากรใหม่อยู่ในจินตนาการ
5)   กลยุทธ์การตอบแทนในการปฏิบัติงาน
-      วัตถุประสงค์องค์การไม่มีการอธิบายเมื่อองค์การดำเนินงานไม่บรรลุผล
-      ระบบการประเมินไม่มีผลต่อการดำเนินงาน
-      ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มีข้อมูลสะท้อนกลับหรือตอบกลับเพียงเล็กน้อยในการดำเนินงานขององค์การ
-      การทดแทนไม่ส่งผลกลับในการปฏิบัติงานจริง  
-      ระบบการส่งเสริมไม่ได้ตอบแทนบุคลากรที่เหมาะสม
                 นอกจากนี้ แล้ว Miles (1973) ได้เสนอมิติที่ใช้ในการวัดสุขภาพองค์การไว้ 10 มิติ คือ การมุ่งเน้นเป้าหมาย (Goal Focus) การติดต่อสื่อสารอย่างเหมาะสม (Communication Adequacy) การใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม (Optimal Power Equalization) การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Utilization) ความยึดเหนี่ยวภายในกลุ่ม (Cohesiveness) ขวัญ (Morale) การนำนวัตกรรมมาใช้ (Innovativeness) ความเป็นอิสระ (Autonomy) การปรับตัว (Adaptation) ความสามารถในการแก้ปัญหา (Problem – Solving Adequacy)
                สรุปได้ว่า ถ้าเราวัดสุขภาพองค์การครบ 10 มิติอย่างสมบูรณ์แล้ว และมีการพัฒนาเป็นอย่างดี จะส่งผลให้ประเทศมีการพัฒนาตามมาด้วยเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น