โอกาส
ถ้าเอาสถิติการดำเนิน ชีวิตของเราที่ผ่านไปแต่ละวันมาวิเคราะห์ เราจะเห็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่าเวลาแห่งชีวิตของเรามักจะถูกใช้ไปกับการ แก้ปัญหา การทำงานเฉพาะหน้า ทั้งงานที่สำคัญและไม่สำคัญ ทั้งงานที่เร่งด่วนและไม่ด่วน เวลาของเรามักจะถูกคนอื่นขโมยไปอยู่เรื่อย คนบางคนขโมยเวลาของเราไปทางโทรศัพท์ คนบางคนปล้นเวลาของเราไปต่อหน้าต่อหน้า เช่น มานั่งคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เราฟังทั้งๆที่เราไม่อยากฟัง แต่ด้วยความจำใจก็เลยต้องยอมเสียเวลานั่งฟังไปหลายชั่วโมง
การ
ใช้เวลาแบบนี้เปรียบเสมือนรถติดหล่มที่ล้อหมุนไปกี่รอบๆ รถก็ยังอยู่ที่เดิม
ถ้าเราดำเนินชีวิตแบบรถติดหล่ม ใช้เวลาไปกับเรื่องที่เป็นปัจจุบัน
ชีวิตคงก้าวหน้าได้ยาก ยิ่งเราเพิ่มจำนวนรอบของการหมุนมากเท่าไหร่
เร็วเท่าไหร่ หาใช่ว่าจะขึ้นจากหล่มได้ง่าย
แต่กลับทำให้ล้อรถจมลึกลงไปทุกทีๆ
เราจะต้องลงมาจากรถและสำรวจดูว่าโอกาสในการนำรถขึ้นจากหล่มนั้นมีอะไรบ้าง
เช่น หล่มไม่ลึกสามารถกระชากแรงๆครั้งเดียวก็น่าจะขึ้นได้
หรือมีเศษไม้พอที่จะนำมารองล้อรถได้บ้างหรือไม่
เรา
มักจะตั้งคำถามให้กับตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมเราจึงคิดไม่เก่งเท่าคนอื่น
ทำไมเราคิดอะไรไม่ค่อยสร้างสรรค์
ทำไมตำแหน่งหน้าที่การงานของเราจึงก้าวหน้าช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทำไม…ทำไม…ทำไม
และอีกหลายทำไมผุดขึ้นมาถามหาคำตอบจากตัวเราเองตลอดเวลา
และเรามักจะหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ค่อยได้
พอหาคำตอบภายในไม่ได้ก็มักจะหาคำตอบจากภายนอก เช่น
เพราะคนอื่นเขาเรียนสูงกว่า
เพราะคนเขาทำงานที่เกี่ยวข้องกับการคิดสิ่งใหม่ๆ
เพราะเขาเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย เพราะเขามีเส้นสาย
เพราะเขา…..เพราะเขา….และอีกสารพัดเหตุที่เรานำเอามาอ้างเพื่อให้ตัวเองพ้น
ข้อกล่าวหา(ที่เกิดจากตัวเอง)
พูดง่ายๆก็คือหาเหตุผลมาประกอบเพื่อให้ตัวเองดูดีทั้งในสายตาของตัวเองและคน
อื่นนั่นเอง
ถ้า
พูดกันตรงๆ แบบแฟร์ๆแล้ว ตัวเราเองเคยให้โอกาสกับตัวเองบ้างหรือเปล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการจัดสรรเวลา
ถ้าเราไม่เคยจัดสรรเวลาให้กับสิ่งที่เราต้องการแล้ว
เราจะได้สิ่งนั้นมาได้อย่างไร เช่น เราอยากเป็นนักร้อง
แต่เราไม่เคยแบ่งเวลาให้กับการฝึกร้องเพลงเลย
เราอยากเป็นนักกีฬาแต่เราไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย เราอยากเป็นนักคิด
แต่เราไม่เคยแบ่งเวลาสำหรับการพัฒนาการคิดเลย ฯลฯ
สิ่งสำคัญในการสร้างโอกาส ( Opportunity )
ให้กับตัวเอง
คือการจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมในชีวิตและจัดสรรเวลาให้เหมาะสม
รวมถึงการพัฒนาช่องทางแห่งโอกาสอย่างต่อเนื่อง
ผมจึงขอแนะนำวิธีการพัฒนาศักยภาพเพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเองดังนี้
แบ่งเวลาสำหรับการวางแผนวันละ 15-30 นาที
เราควรแบ่งเวลาอย่างน้อยวันละ 15
นาทีสำหรับการวางแผน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนงานหรือ แผนชีวิต
เพื่อให้สมองฝึกคิดล่วงหน้า
อย่าให้สมองมีแต่ความกังวลล่วงหน้าครอบครองพื้นที่สมองอยู่ฝ่ายเดียว
การเจียดเวลาเพื่อการวางแผนทุกวันจะช่วยให้เรามองเห็นโอกาสบางอย่างก่อนที่
โอกาสนั้นจะเข้ามาหาเราจริง
ถ้าเราทราบล่วงหน้าเราสามารถเตรียมตัวรองรับกับโอกาสนั้นๆได้ทันที
ไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปง่ายๆ
ในขณะเดียวกันก็เป็นการฝึกสมองให้คุ้นเคยกับการคิดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
อย่าให้สมองรู้จักเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆเท่านั้น
หาข้อมูลใหม่ทุกวัน
ใน
ความเป็นจริงแล้วชีวิตคนเรามักจะมีข้อมูลข่าวสารใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเราทุก
เมื่อเชื่อวัน
แต่เราไม่เคยกำหนดว่าในแต่ละวันเราต้องหาความรู้ใหม่ๆอะไรบ้าง เช่น
ถ้าเราต้องการรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่วันละคำ
พอทำครบปีเราก็จะได้คำศัพท์ใหม่อย่างน้อย 365
คำ ถ้าเราทำมาแล้ว 10 ปี เราก็ควรจะรู้คำศัพท์มาแล้วไม่น้อยกว่า 3,650 คำ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้ใหม่ๆที่เราได้มาในแต่ละวันนั้น
มักจะเป็นความรู้ใหม่ที่เราไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้
เป็นความรู้ใหม่ข้อมูลใหม่ที่ถูกยัดเยียดมาจากสภาพแวดล้อม
มากกว่าได้มาจากกำหนดล่วงหน้าและการเรียนรู้จากสภาพแวดล้อม
คิดสิ่งใหม่ทุกวัน
การ
ฝึกคิดสิ่งใหม่ๆทุกวันจะเป็นเส้นทางนำเราไปสู่โอกาสอย่างแท้จริง
เพราะโอกาสคือสิ่งที่ผู้คนยังไปไม่ถึง ยังไม่ทราบ ยังมองไม่เห็น
การฝึกคิดสิ่งใหม่ๆไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์และสามารถนำมา
ใช้งานได้เสมอไป แต่เป็นการลับสมองให้คมและเฉียบแหลมอยู่ตลอดเวลา
ไม่ปล่อยให้สนิมกัดกร่อน
เราต้องตั้งเป้าว่าในแต่ละวันเราจะฝึกคิดสิ่งใหม่อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง เช่น
วิธีการทำงานแบบใหม่ การคิดหาโอกาสในการพัฒนาตัวเองแบบใหม่ๆ
สร้างแนวคิดใหม่ เป็นต้น
ฝึกคิดสองด้าน
ทุกๆ
เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
ต้องพยายามมองสิ่งนั้นออกทั้งสองด้านคือ ด้านบวกและด้านลบ
เพราะแต่ละด้านจะนำพาความคิดเราไปสู่จุดเริ่มต้นแห่งโอกาสได้
คำว่าโอกาสในที่นี้มิได้หมายถึง โอกาสที่จะได้มาเพียงอย่างเดียว
แต่มันหมายถึงโอกาสที่เราไม่ต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปด้วย ดังนั้น
การคิดสองด้านจะช่วยให้เราหาโอกาสเพิ่มและรักษาโอกาสเดิมไม่ให้ลดลงได้
บันทีกผลงานการคิด
สิ่ง
สำคัญอย่างหนึ่งที่เราจะมองเห็นโอกาสได้ดียิ่งขึ้นคือ
การบันทึกผลพวงของความคิดใหม่
ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันว่ามีอะไรบ้าง
การนำเอาสิ่งเหล่านี้มาประมวลผลรวมกันอย่างมีระบบ
จะช่วยนำพาเราไปสู่สนามแห่งโอกาสได้ง่ายขึ้น
การบันทึกผลทางความคิดจะช่วยให้เราสามารถประเมินได้ว่าในแต่ละช่วงเวลานั้น
ศักยภาพทางการคิดในการแสวงหาโอกาสนั้นมีเพิ่มขึ้นหรือไม่เพียงใด
ดังนั้น
การที่เราจะแสวงหาโอกาสให้กับตัวเองนั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแบ่งปันและจัดสรรเวลาให้กับสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิง
แห่งโอกาส
เพื่อใช้ในการจุดประกายให้เราสามารถมองเห็นโอกาสในที่มืดที่อยู่ในระยะไกล
ได้ง่ายและชัดเจนกว่าคนอื่นๆ
จงจำไว้ว่าโอกาสที่มีค่าไม่เคยได้มาด้วยการรอคอย
แต่เกิดจากการแบ่งปันเวลาและการแสวงหาช่องทางแห่งโอกาส
http://www.peoplevalue.co.th ณรงค์วิทย์ แสนทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น