1. การยอมรับและให้เกียรติครูผู้รับการนิเทศหรือทีมงาน เป็นทักษะที่ใช้ในขั้นตอนใด ของการนิเทศการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
|
ก. ขั้นการประเมินการนิเทศ
ข. ขั้นการสร้างความจริงใจ
ค. ขั้นการทบทวนสรุปผลการนิเทศ
ง. ขั้นการประชุมปฏิบัติการ
|
2. สมรรถนะประจำสายงานของศึกษานิเทศก์คือข้อใด
|
ก. การออกแบบการเรียนรู้
ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน
ค. การสื่อสารและการจูงใจ
ง. การพัฒนาผู้เรียน
|
3. สมรรถนะหลัก (Core Competencies) ของวิชาชีพศึกษานิเทศก์ คือข้อใด
|
ก. การทำงานเป็นทีม
ข.การพัฒนาตนเอง
ค. การมุ่งผลสัมฤทธิ์
ง. การบริการที่ดี ** คำตอบคือทุกข้อเป็นสมรรถนะหลัก**
|
4. การวิเคราะห์จุดพัฒนาทำเพื่ออะไร
|
ก. เพื่อเลือกนวัตกรรมการนิเทศ
ข. เพื่อนิเทศการศึกษาให้เป็นระบบ
ค. เพื่อศึกษาปัญหาและความต้องการ
ง. เพื่อการจัดทำงานผลการนิเทศได้สะดวก
|
5. กระบวนการนิเทศการศึกษาแบบเยี่ยมชั้นเรียนและสังเกตการสอนคืออะไร
|
ก. การเยี่ยมชั้นและสังเกตการสอนสมัยใหม่
ข. การสังเกตการสอนที่มีขั้นตอนและต่อเนื่อง
ค. การสังเกตการสอนอย่างง่ายที่ไร้รูปแบบ
ง. การปฏิบัติการเยี่ยมชั้นเรียนที่มีการนัดหมายล่วงหน้า
|
6. การใช้เทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ ครูเหตุผลและความจำเป็นอย่างไร
|
ก. เพราะนักเรียนไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
ข. เพราะความรู้และวิชาการมีมากและครูมีภาระงานมาก
ค. เพราะความรู้ความสามารถของครูลดน้อยลง
ง. ผู้บริหารสถานศึกษาไม่มีเวลานิเทศการเรียนรู้ครู
|
7. ข้อมูลจากแบบสังเกตการสอนนำมาใช้อย่างไร
|
ก. ตีความ สรุป เทียบผลการเรียนรู้และความพึงพอใจของครูและนักเรียนกับแผนการเรียนรู้ที่ออกแบบ
ข. ทบทวน อภิปราย เทียบความพึงพอใจและมาตรฐานการเรียนรู้ที่ต้องการ
ค. วิเคราะห์ บุคลิกภาพการสอน วิธีการเรียนและการบรรยายการจัดการเรียนการสอน
ง. ถูกทุกข้อ
|
8. ประสบการณ์และบันทึกของครูชูใจข้อใดที่นำมาใช้กับเทคนิคการนิเทศ ”เทคนิคการ สังเกตการสอนและเยี่ยมชั้น ทำให้ผู้นิเทศมองเห็นพฤติกรรมการสอนของครู และความน่ารักตามที่นักเรียนเป็น”
|
ก. น้องสันติ เงียบขรึม นั่งหลังห้อง คอยหลบตาครู
ข. น้องสมชาย พูดจาไพเราะ เรียนภาษาไทยเก่งมาก
ค. น้องปุ๊ ขยันเรียน ทำงานช้า มองโลกในแง่ดี
ง. ถูกทุกข้อ
|
9. จากบันทึกของครูชูใจในข้อ 8 ศึกษานิเทศก์ ควรชี้แนะ (Coaches) และตระหนักในข้อใด
|
ก. บันทึกของครูชูใจไม่ได้ช่วยการสอนให้ดีขึ้นเลย
ข. บันทึกนี้ทำให้เด็กแต่ละคนรู้ว่าครูรักเขาทุกคนและทุกคนล้วนมีจุดเด่น
ค. ความแตกต่างของนักเรียนจะใช้วิธีสอนแบบเดี่ยวไม่ได้ ควรหาความหลากหลายและกำหนดระดับ คุณภาพที่แตกต่าง
ง. เราเปรียบเทียบสิ่งที่แตกต่างกันได้และปรับให้เป็นแบบเดียวกันได้ไม่มากก็น้อย
|
10. ครูสมพรพูดว่า “นามสกุลนี้เรียนอ่อนแทบทุกคน ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ตก และตกอีกไม่จบ ม. 3 หรอกครับ” ศน. ชินกร : “แล้วครูสอนแก้อย่างไร ซ่อมเสริมหรือเปล่าครับ” ครูสมพร : “ผมไม่ได้สอนเสริมหรือมีพิเศษอะไรหรอกครับ เชื่อผลเถอะ สอนไปก็เหนื่อยเปล่า.” คำชี้แนะหลังการเยี่ยมชั้นข้อใดที่ควรใช้ :
|
ก. ครูออกแบบการสอนชนิดเดียว แต่วิธีการเรียนรู้ของผู้เรียนมีความแตกต่างกัน ครูเชื่อว่าต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน
ข. วิชาชีพครูมีความเชื่อว่า นักเรียนทุกคนเรียนรู้ได้และพัฒนาได้แต่อาจไม่เท่ากัน
ค. ครูแต่ละคนมีความถนัดไม่เท่ากันแต่ต้องมีอารมณ์ สังคมและความต้องการเหมือนกัน
ง. จนปัญญาในการสอน ครูสมพรท้อแท้มากกว่า ผู้เรียนอย่างว่าเสียดายความเป็นครูคนเก่ง
|
11. ข้อมูลใดในแผนการเรียนรู้ ชี้บอกและควรตระหนักให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ในการเรียนการสอนมากที่สุด
|
ก. มาตรฐานการเรียนรู้ วัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดและคุณค่าที่แผนการสอนต้องการ
ข. ประจักษ์พยานการสอน การยอมรับในหลักเกณฑ์ข้อทดสอบ ชิ้นงานและหลักการสังเกตการสอน
ค. กิจกรรมและประสบการณ์ที่จัดให้ผู้เรียนเรียนรู้ ฝึกฝน คิดค้นและทบทวน นำเสนอ
ง. ถูกทุกข้อ
|
12. คุณค่าของข้อมูลในข้อ 11 ออกแบบให้ปรากฏในเครื่องมือนิเทศข้อใด
|
ก. แบบสังเกตการสอน
ข. คำชี้แนะการสอน
ค. แผนการจัดการเรียนการสอน
ง. บันทึกการสนทนา อภิปรายหลังการสังเกตการสอน
|
13. “ครูเก่งนักเรียนเก่ง ครูดีนักเรียนดี” คำกล่าวนี้สะกิดใจศึกษานิเทศก์ในเรื่องใดมากที่สุด
|
ก. ศน.ผจญ “ปีนี้ศึกษานิเทศก์เบญจพร จะเสนอผลงาน คศ.4 น่าจะทำเรื่องของเราให้มากๆนะค่ะ”
ข. ศน.สุเทียบ “ควรวิเคราะห์และเลือกจุดดีและจุดด้อย ปัญหาและความต้องการพัฒนาครูให้มีศักยภาพสูง ส่งผลให้ครูสามารถพัฒนานักเรียนตรงกับปัญหามากที่สุด”
ค. ศน.ปิยะรัตน์ “ทำไม ศน.ผจญ จึงเสนอแผนนี้และทำไม ศน.สุเทียบ จึงคิดแบบนี้ ความคิดเห็นของ ศน. ผจญ และ ศน.สุเทียบ ส่งผลถึงใครมากที่สุด น่าคิดนะค่ะ”
ง. ศน.วราภรณ์ “พี่ประเสริฐกลับมาจากอบรม SP2 เป็นอย่างไร ได้ความรู้และเทคนิคหรือ ยุทธศาสตร์สมัยใหม่ๆ อะไรมาบ้าง เขากำลังสนใจเรื่องอะไรทุกวันนี้ครับ”
|
14. ข้อใดสร้างความมั่นใจให้ศึกษานิเทศก์ ชี้แนะ สอนงานและ สังเกตการสอนของครูสาระการเรียนรู้ต่างๆ ได้ดีที่สุด
|
ก. แผนการนิเทศการศึกษาที่ออกแบบอย่างละเอียดรอบคอบ
ข. เครื่องมือการนิเทศที่หลากหลายและครบสาระการเรียนรู้
ค. ความรู้ ความเข้าใจ ความเชี่ยวชาญในเรื่องการนิเทศและทักษะมนุษยสัมพันธ์ในการสร้างทีมงาน
ง. การช่วยครูให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาต้องการแม้ว่าไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการ
|
15. ข้อใด ไม่ใช่ นวัตกรรมการนิเทศการสอน
|
ก. นุ๊ก นิเทศแบบทีมวิจัยชั้นเรียนโรงเรียนที่ใกล้กัน
ข. โหน่ง นิเทศสังเกตการสอนครูสมยศใช้ชุดฝึกอ่านคำควบกล้ำ
ค. หนิงชี้แนะครูประยงค์ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เด็ก ป.2 โดยใช้กระดาน กระดาษทรายและไหมพรมหลากสี
ง. นุชชวนครูอี๊ด ประดิษฐ์ตุ๊กตาผักตบชวาขายส่งร้าน OTOP
|
16. ครูคนใดควรได้รับการปรับปรุงการสอนมากที่สุด
|
ก. ครูอั๋น สั่งให้นักเรียนวาดภาพตามจินตนาการ
ข. ครูโจ้ แบ่งกลุ่มนักเรียนทดลองการศึกษา Indicator ความเป็นกรด – เบส จากวัชพืช
ค. ครูแอ๊ด พานักเรียนไปดูโรงงานผลิตนมพาสเจอไรด์
ง. ครูจิ๋ว ให้จดตามคำบอกเรื่อง การหาความจุของถังข้าวสาร
|
17. ปัจจัยภายใน (Intrinsic Factors) ที่ศึกษานิเทศก์ควรสร้างแรงจูงใจภายในให้ครู คือข้อใด
|
ก. ความสำเร็จของงานที่ปฏิบัติ
ข. การยอมรับจากครูและเพื่อนร่วมงาน
ค. ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่งาน
ง. มีโอกาสได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
|
18. ขั้นตอนสุดท้าย (Post Coaching) ของเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ ศึกษานิเทศก์มีบทบาทอย่างไร
|
ก. สรุปผลชี้แนะ ยอมรับความสามารถของครูและให้โอกาสครู สรุปเพื่อปรับปรุงงาน
ข. ตกลงวางแผนร่วมกันในการกำหนดคำถามและประเด็นชี้แนะสอนงาน
ค. ชี้แนะ บอก ซักถาม พิจารณาผลงานแผนการสอนของครู
ง. ชี้แนะ รับฟัง ท้าท้ายและให้ข้อมูลย้อนกลับสำหรับครูและโรงเรียน
|
19. ใครนิเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
ก. ศรีผ่อง นิเทศแบบชี้แนะตามความต้องการของตน
ข. จันทร์เพ็ญ นิเทศแบบคลินิกอย่างเป็นกระบวนการ 3 ครั้ง
ค. ศรราม รายงานจุดเด่นและจุดด้อยของโรงเรียนแต่ละแห่งทุกเดือน
ง. ศรีผ่อง ทำแผนการนิเทศเสนอต่อ คณะกรรมการการนิเทศฯ(กต.ปน.เขตพื้นที่) ทุกปี
|
20. การทำงานโดยตรงกับครูของศึกษานิเทศก์โดยใช้เทคนิคการนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) ในขั้นแรกคือทำอะไร อย่างไร
|
ก. พูดคุยกับครูก่อนเข้าสังเกตการสอนเกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย จุดเด่น แบบวิธีการบันทึกและแบบสังเกตการสอน
ข. วิเคราะห์และตีความผลงานของครู เช่น แผนการสอน ผลการทดสอบ แบบสังเกตการสอนเครื่องมือวัดผล
ค. การติชม ทบทวน อภิปราย สะท้อนผล สรุปอะไรคือจุดเด่น จุดด้อย และข้อเสนอแนะ
ง. สังเกตการสอนและบันทึกพฤติกรรมการสอน พฤติกรรมการเรียนและศึกษาข้อมูลบริบทของชั้นเรียน และสาระการเรียนรู้
|
21. การศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) เป็นการวิจัยประเภทใด
|
ก. การวิจัยเชิงสำรวจ
ข. การวิจัยเชิงทดลอง
ค. การวิจัยกึ่งทดลอง
ง. ถูกทุกข้อ
|
22. Lesson Study มีนิยามและกระบวนการคล้ายคลึงกับข้อใด
|
ก. Classroom Study
ข. Professional Study
ค. Action Research Study
ง. ถูกทุกข้อ
|
23. ขั้นตอนแรกของกระบวนการ Lesson Study คือข้อใด
|
ก. การวางแผน
ข. การอภิปราย
ค. การสะท้อนผลบทเรียน
ง. การนำไปใช้และการสังเกต
|
24. ข้อใดไม่ใช่แนวคิดของการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study)
|
ก. การสรุปบทเรียน
ข. การปรับปรุงบทเรียน
ค. การพัฒนาการเรียนการสอน
ง. การปรับปรุงการเรียนการสอน
|
25. ข้อใดเป็นวงจรการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ที่ถูกต้อง
|
ก. กำหนดจุดมุ่งหมาย ==> วิเคราะห์และวางแผน ==> สอนและสังเกต ==> สนทนาและทบทวน==> สอนและสังเกต==> สนทนาและทบทวน ==> รายงานผลตามจุดมุ่งหมาย
ข. กำหนดจุดมุ่งหมาย ==> วิเคราะห์และวางแผน ==> สอนและสังเกต==> สอนและสังเกต ==> สนทนาและทบทวน==> สนทนาและทบทวน==> รายงานผลตามจุดมุ่งหมาย
ค. กำหนดจุดมุ่งหมาย ==> สอนและสังเกต ==> วิเคราะห์และวางแผน==> สนทนาและทบทวน ==> สอนและสังเกต==> สนทนาและทบทวน==> รายงานผลตามจุดมุ่งหมาย
ง. กำหนดจุดมุ่งหมาย ==> วิเคราะห์และวางแผน ==> สอนและสังเกต==> สนทนาและทบทวน ==> สอนและสังเกต ==> สนทนาและทบทวน==> สอนและสังเกต ==> รายงานผลตามจุดมุ่งหมาย
|
26. ข้อใดเป็นขั้นตอนกระบวนการพื้นฐานของ Lesson Study ที่ถูกต้อง
|
ก. วางแผน ==> นำไปใช้ ==> สังเกต ==> อภิปราย ==> สะท้อนผล
ข. วางแผน ==> สังเกต ==> อภิปราย ==> สะท้อนผล ==> นำไปใช้
ค. วางแผน ==> สังเกต ==> อภิปราย ==> นำไปใช้ ==> สะท้อนผล
ง. วางแผน ==> นำไปใช้ ==> สังเกต ==> สะท้อนผล ==> อภิปราย
|
27. วงจรของการศึกษาชั้นเรียนเริ่มต้นจากข้อใด
|
ก. การกำหนดจุดมุ่งหมาย (Selecting a Focus)
ข. การวิเคราะห์และวางแผน (Planning the Lesson Study)
ค. การสนทนาและทบทวน (Revision Based on the Group’s Reflection)
ง. สอนและสังเกตการสอน (Teaching & Focused Observation of Lesson Based on the Group’s Goals)
|
28. จะเริ่มต้นอย่างไรกับการวางแผนปฏิบัติการ Lesson Study
|
ก. พิจารณาเลือกบทเรียนที่จะพัฒนาร่วมกันเป็นเบื้องต้น
ข. เริ่มจากความสนใจของครูกลุ่มเล็ก ๆ ที่กระทำในประเด็นง่าย ๆ
ค. เริ่มเลือกหน่วยการสอนและวิเคราะห์ความต้องการของครูเป็นสำคัญ
ง. เริ่มจุดประสงค์/สาระที่มีปัญหาและความต้องการของนักเรียนเป็นสำคัญ
|
29. กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของการศึกษาชั้นเรียนคือข้อใด
|
ก. การวางแผน (Planning)
ข. ความร่วมมือ (Collaboration)
ค. การเรียนการสอน (Learning & Teaching)
ง. การทบทวนและสะท้อนผล (Revise & Reflection)
|
30. ประโยชน์สูงสุดที่เป็นคุณค่าของการศึกษาชั้นเรียนคือข้อใด
|
ก. เป็นหนึ่งกระบวนการร่วมมือครูเพื่อพัฒนางานและเลื่อนวิทยฐานะ
ข. การพัฒนาการเรียนการสอนในหน้าที่ครูอย่างต่อเนื่องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน
ค. การสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการเรียนการสอนที่เน้นความร่วมมือและพัฒนาศาสตร์การสอนให้เข้มแข็ง
ง. ยกระดับคุณภาพการสอนของครูและเพิ่มสมรรถภาพการเรียนรู้ของนักเรียนให้สูงขึ้นด้วยกระบวนการวิจัย
การพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการ นำเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้บริหารสถานศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการอื่นใด คำตอบที่พบได้จากการศึกษาวิเคราะห์ว่าน่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด ผู้บริหารท่านใดคิดว่าอาจจะไม่ถูกต้อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ที่เว็บบอร์ดครับ ขอขอบคุณ
แบบทดสอบก่อนเรียน Pre-test
1. ข้อใดอธิบายเกี่ยวข้องกับผู้นำได้ตรงที่สุด
|
ก. ผู้นำจะเกิดขึ้นได้เมื่อได้รับการแต่งตั้งหรือมีการมอบหมายอย่างเป็นชัดเจน
ข. ผู้นำจะเกิดขึ้นได้เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารระดับสูงสุด
ค. ผู้นำคือ บุคคลที่บังคับบุคคลอื่นได้
ง. ผู้นำ คือความสามารถในการนำไปสู่เป้าหมาย
|
2. ผู้บริหารระดับสูงควรมีทักษะของผู้นำด้านใดมากที่สุด
|
ก. มนุษยสัมพันธ์
ข. เทคนิค
ค. การคิดวิเคราะห์
ง. การควบคุมสั่งการ
|
3. ภาวะผู้นำทางวิชาการแบบใดที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาหน่วยงาน
|
ก. แบบประชาธิปไตย
ข. แบบเผด็จการ
ค. แบบกลอุบายเป็นหลัก
ง. แบบลูกทุ่ง
|
4. แนวคิดแบบตาข่าย (Managerial grid) ของเบลคและมูตัน พฤติกรรมผู้นำแบบใดดีที่สุด
|
ก. 1.1
ข. 1.9
ค. 9.1
ง. 9.9
|
5. ข้อใดที่ไม่ใช่แนวทางการจัดการศึกษาของผู้นำทางวิชาการ
|
ก. เป้าหมาย
ข. วิสัยทัศน์
ค. ทำนายคาดหวัง
ง. การจัดการ
|
6. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับกับการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ
|
ก. การบริหารจัดการหลักสูตรและการสอน
ข. การส่งเสริมบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมการเรียนรู้
ค. การสนับสนุนครูเข้าร่วมเป็นกรรมการระดับต่างๆ
ง. การพัฒนานักเรียน
|
7. ข้อใดที่ไม่ใช่เป็นการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
|
ก. มาตรฐานการศึกษาของชาติ
ข. เอกลักษณ์ของสถานศึกษา
ค. ครอบคลุมสาระการเรียนรู้ และกระบวนการเรียนรู้
ง. จัดทำแผนปฏิบัติราชการประปี
|
8. ข้อใดกล่าวถึงการประกันคุณภาพการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) ได้ถูกต้อง
|
ก. ให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ
ข. ให้มีการตรวจสอบและประเมินการดำเนินการจัดการศึกษาว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่
ค. ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอก ของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุก 5 ปี
ง. หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
|
9. ขั้นตอนใด เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการจัดระบบสารสนเทศ
|
ก. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Collecting Data)
ข. การตรวจสอบข้อมูล (Checking Data)
ค. การวิเคราะห์ข้อมูล (Analyzing Data)
ง. การใช้ข้อมูล (Using Data)
|
10. ขั้นตอนสุดท้ายของการจัดเก็บสารสนเทศ คือข้อใด
|
ก. เก็บรวบรวมข้อมูล (Collecting Data)
ข. การตรวจสอบข้อมูล (Checking Data)
ค. การประมวลผลข้อมูล (Processing Data)
ง. การใช้ข้อมูลสารสนเทศ (Using Data)
|
11. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อกันเหมือนใยแมงมุมคือข้อใด
|
ก. Wireless Internet
ข. WWW.
ค. E – mail
ง. Leased line
|
12. ข้อใดไม่ใช่เป็นประโยชน์ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา
|
ก. ให้คำปรึกษาทางการเรียนรู้แก่ผู้เรียน และประชาชน ผู้รับบริการ
ข. มีรูปแบบการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่หลากหลาย
ค. ใช้เป็นเครื่องมือในการออกแบบและจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ง. ใช้ในการตัดสินใจของผู้บริหาร
|
13. ข้อใดไม่ใช่ภาวะผู้นำของผู้บริหารในด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน
|
ก. มีความเข้าใจในกรอบแนวคิดเชิงทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของหลักสูตรแต่ละประเภท
ข. มีความตระหนักถึงกลุ่มเป้าหมายทางการศึกษาของโรงเรียน
ค. มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร
ง. มีความรู้ในทฤษฎีและปรัชญาของหลักสูตร
|
14. ข้อใดที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทางวิชาการในด้านการบริหารจัดการหลักสูตร
|
ก. ส่งเสริมให้เกิดการทำงานเป็นทีมในการพัฒนาหลักสูตร
ข. จัดเวลาให้ครูได้แลกเปลี่ยนความรู้ในการพัฒนาหน่วยการเรียนรู้
ค. ประสานความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ
ง. ตัดสินใจที่ถูกต้องในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน
|
15. ข้อใดไม่ใช่เป็นบทบาทของผู้บริหารในฐานะเป็นผู้นำในการจัดการเรียนการสอน
|
ก. จะต้องยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ปกครองนักเรียน
ข. จะต้องช่วยให้เกิดบูรณาการประสบการณ์ทั้งมวลของนักเรียน
ค. จะต้องส่งเสริมสมรรถภาพในการสอนของครูให้ดีขึ้น
ง. จะต้องช่วยให้นักเรียนได้รับความเสมอภาพทุกคน
|
16. ทุกข้อเป็นองค์ประกอบของการจัดการเรียนการสอน ยกเว้นข้อใด
|
ก. สัมฤทธิผลของการสอน
ข. การสนับสนุนการสอน
ค. การสร้างเสริมทักษะ
ง. การสรุปบทเรียน
|
17. ข้อใดเป็นขั้นตอนของ O ในกระบวนการวิจัยปฏิบัติการแบบ P-A-O-R
|
ก. การสำรวจปัญหาและจัดทำแผนการแก้ปัญหาร่วมกัน
ข. การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรอบคอบ
ค. การประเมิน ตรวจสอบกระบวนการแก้ปัญหา
ง. การปฏิบัติตามแผนการแก้ปัญหา
|
18. เป้าหมายสำคัญที่สุดของการใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตรงกับข้อใด
|
ก. การปฏิบัติงานที่ตรงตามบทบาทหน้าที่
ข. การมีส่วนร่วมของผู้บริหารและครู
ค. การพัฒนาการสอนของครู
ง. คุณภาพของผู้เรียน
|
19. ข้อใดเป็นหลักการเลือกนวัตกรรมที่สำคัญที่สุด
|
ก. ความเหมาะสม ครอบคลุมประเด็นปัญหา
ข. ความต้องการของนักเรียน
ค. ความง่ายในการพัฒนา
ง. ความสวยงาม เร้าใจ
|
20. ข้อใดไม่ใช่ผลที่ได้โดยตรงจากการใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ
|
ก. ความพึงพอใจของผู้เรียน
ข. รายงานวิจัยของผู้บริหารและครู
ค. ความก้าวหน้าในการเรียนของผู้เรียน
ง. ประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น
|
แบบทดสอบหลังเรียน Post-test
1. ข้อใดเป็นพฤติกรรมของผู้นำที่มุ่งด้านมิตรสัมพันธ์
|
ก. การมอบหมายงานและความรับผิดชอบ
ข. การกำหนดวิธีการทำงาน
ค. การยอมรับถึงความรู้สึก ความคิด
ง. การกำหนดบทบาทของผู้นำและผู้ตาม
|
2. การบริหารงานวิชาการยุคใหม่ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
|
ก. เน้นการสอน
ข. บริหารการเปลี่ยนแปลง
ค. สร้างองค์ความรู้ต้วยตนเอง
ง. ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
|
3. ข้อใดที่บ่งชี้บทบาทหน้าที่ทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษามากที่สุด
|
ก. มาตรฐาน
ข. ระดับเงินเดือน
ค. คุณวุฒิ
ง. วัยวุฒิ
|
4. ข้อใดเป็นบทบาทสำคัญที่สุดของผู้บริหารในการเป็นผู้นำด้านการจัดการเรียนการสอน
|
ก. ให้ครูวางแผนการจัดการเรียนรู้ได้
ข. ให้ครูมีเจตคติที่ดีต่อการสอนคณิตศาสตร์
ค. ให้ครูจัดการเรียนการสอนได้อย่างเป็นระบบ
ง. ให้ครูเข้าใจการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ***
|
5. ข้อใดที่ไม่ใช่แนวทางการจัดการศึกษาของการปฏิรูปการศึกษา
|
ก. เป้าหมาย
ข. วิสัยทัศน์
ค. การพยากรณ์อนาคต
ง. การจัดการ
|
6. ข้อใดที่ไม่ใช่แนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้
|
ก. ความแตกต่างระหว่างบุคคล
ข. ความรู้
ค. ชาตินิยม
ง. การบูรณาการ
|
7. การประกันคุณภาพภายนอกตามกฎหมายการศึกษาต้องดำเนินการทุก ๆ ครั้ง : ปี
|
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 5 ปี
คำตอบจาก พรบ. กศ. ให้สถานศึกษาทุกแห่งได้รับการตรวจสอบ และทบทวนคุณภาพการศึกษาอย่างน้อย 3 ปี 1 ครั้ง โดยเขตพื้นที่การศึกษา นอกจากนี้ มาตรา 49 กำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องได้รับการประเมิน คุณภาพภายนอกอย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 5 ปี
|
8. การรายงานประจำปีตามระบบประกันคุณภาพการศึกษา เรียกชิ่อย่อตามข้อใด
|
ก. SAR
ข. PAR
ค. ASR
ง. SSR
|
9. ข้อใดที่ไม่ใช่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารภายในสถานศึกษา
|
ก. มีระบบเครือข่ายอินทราเน็ต และระบบเครือข่ายภายใน ในสถานศึกษา
ข. มีระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้เพื่อการบริหารจัดการและการจัดการเรียน การสอน
ค. มีการจัดห้องเรียนที่หลากหลาย เช่นห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ /ห้องเรียนคอมพิวเตอร์
ง. มีอุปกรณ์ที่มีราคาแพง
|
10. ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไม่จำเป็นต้องมีส่วนประกอบตามข้อใด
|
ก. คอมพิวเตอร์
ข. ซอฟแวร์
ค. ผู้ใช้
ง. เอกสารทำการ
|
11. ข้อใดไม่ใช่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
|
ก. โทรศัพท์
ข. คอมพิวเตอร์
ค. แฟกซ์
ง. แบตเตอรี่
|
12. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของการสื่อสาร
|
ก. ผู้รับข่าวสาร
ข. ผู้ส่งข่าวสาร
ค. ข้อมูลข่าวสาร
ง. ผู้ประสานการสื่อสาร
|
13. ทุกข้อเป็นภาวะผู้นำของผู้บริหารในด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ยกเว้นข้อใด
|
ก. มีความตระหนักถึงกลุ่มเป้าหมายทางการศึกษาของโรงเรียน
ข. มีความตระหนักถึงความต้องการในการเรียนรู้ของผู้เรียน
ค. มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร
ง. มีความรู้ในทฤษฎีและปรัชญาของหลักสูตร
|
14. ข้อใดที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านบริหารจัดการในด้านการบริหารจัดการหลักสูตร
|
ก. ส่งเสริมให้เกิดการทำงานเป็นทีมในการพัฒนาหลักสูตร
ข. ให้คำแนะนำแก่ครูในการพัฒนาหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้
ค. ประสานความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ
ง. ตัดสินใจที่ถูกต้องในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน
|
15. ทุกข้อเป็นบทบาทของผู้บริหารในฐานะเป็นผู้นำในการจัดการเรียนการสอน ยกเว้นข้อใด
|
ก. จะต้องกระตุ้นให้ครูได้ให้ความสนใจกับพัฒนาการทุก ๆ ด้านของนักเรียน
ข. จะต้องยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ปกครองนักเรียน
ค. จะต้องช่วยให้เกิดบูรณาการประสบการณ์ทั้งมวลของนักเรียน
ง. จะต้องส่งเสริมสมรรถภาพในการสอนของครูให้ดียิ่งขึ้น
|
16. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของการจัดการเรียนการสอน
|
ก. การกำหนดจุดมุ่งหมายของการสอน
ข. การเตรียมความพร้อมในการเรียน
ค. การนำเข้าสู่บทเรียน
ง. การดำเนินการสอน
|
17. ข้อใดเป็นขั้นตอนของ R ในกระบวนการวิจัยปฏิบัติการแบบ P-A-O-R
|
ก. การสำรวจปัญหาและจัดทำแผนการแก้ปัญหาร่วมกัน
ข. การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรอบคอบ
ค. การประเมิน ตรวจสอบกระบวนการแก้ปัญหา
ง. การปฏิบัติตามแผนการแก้ปัญหา
|
18. ข้อใดเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของการใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
|
ก. การปฏิบัติงานที่ตรงตามบทบาทหน้าที่ของผู้บริหารและครู
ข. ผู้เรียนบรรลุตามที่หลักสูตรต้องการ
ค. การมีส่วนร่วมของผู้บริหารและครู
ง. การพัฒนาการสอนของครู
|
19. การศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎี จะเป็นประโยชน์ในข้อใดมากที่สุด
|
ก. ได้ความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหา
ข. ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมการแก้ปัญหา
ค. ได้ทฤษฎีมาเป็นฐานในการแก้ปัญหา
ง. ได้นวัตกรรมที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา
|
20. ข้อใดเป็นผลพลอยได้จากการใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ
|
ก. รายงานวิจัยของผู้บริหารและครู
ข. ความก้าวหน้าในการเรียนของผู้เรียน
ค. ประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น
ง. ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการใช้นวัตกรรม
|
แบบทดสอบประจำหน่วยที่ 1 3 คะแนน
|
1. ข้อใดที่ไม่ใช่เป็นคุณลักษณะเด่นของผู้นำ
|
ก. เชื่อมั่นในตนเอง
ข. รอบรู้ในงาน
ค. สืบทอดโดยกำเนิด
ง. ซื่อสัตย์มีจริยธรรม
|
2. ข้อใดเป็นพฤติกรรมของผู้นำที่มุ่งผลผลิตหรือมุ่งงาน
|
ก. การตัดสินใจที่เกี่ยวกับการทำงาน
ข. กำหนดเป้าหมายการทำงาน
ค. ใช้วิธีจูงใจ
ง. การจัดแบ่งงาน
|
3. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับความหมายของภาวะผู้นำทางวิชาการ
|
ก. การบริหารจัดการหลักสูตรและการสอน
ข. การส่งเสริมบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมการเรียนรู้
ค. การสนับสนุนครูเข้าร่วมเป็นกรรมการระดับต่างๆ
ง. การพัฒนานักเรียน
|
4. ข้อใดไม่ใช่เป็นขอบข่ายงานการบริหารวิชาการในสถานศึกษา
|
ก. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้
ข. การพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้
ค. การจัดทำสำมะโนผู้เรียน
ง. การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
|
5. ข้อใดไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารทางการศึกษายุดใหม่
|
ก. ควบคุม
ข. สั่งการ
ค. ร่วมมือ
ง. เหนือกว่า
|
แบบทดสอบประจำหน่วยที่ 2 5 คะแนน
|
1. ข้อใดไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของสถานศึกษาที่ต้องจัดระบบประกันคุณภาพตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการดำเนินการการประกันคุณภาพภายใน
|
ก. กำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ข. จัดทำแผนงบประมาณของสถานศึกษา
ค. จัดระบบบริหารและสารสนเทศ
ง. จัดทำรายงานประจำปีที่เป็นรายงานประเมินคุณภาพภายใน
|
2. ข้อใดที่มีความสำคัญที่สุดของการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
|
ก. มาตรา 8
ข. มาตรา 22
ค. มาตรา 24
ง. มาตรา 47
|
3. แนวทางจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องการเน้นความสำคัญอะไร
|
ก. ความรู้
ข. คุณธรรม
ค. กระบวนการเรียนรู้
ง. ความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้
|
4. ข้อใดเป็นความสำคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา
|
ก. ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและสามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน
ข. เป็นการคัดเลือกสถานการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพออกไปจากระบบการศึกษา
ค. สร้างโอกาสให้สถานศึกษาที่มีความพร้อมได้จัดการศึกษา
ง. ทำให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษาทราบว่าสถานศึกษามีคุณภาพมากน้อยเพียงใด
|
5. ข้อใดที่ต้องดำเนินการเป็นลำดับแรกในระบบการประกันคุณภาพภายในการศึกษา
|
ก. การจัดระบบบริหารและสารสนเทศ
ข. กำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ค. จัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา
ง. จัดทำรายงานประจำปีที่เป็นรายงานประเมินคุณภาพภายใน
|
แบบทดสอบประจำหน่วยที่ 3 3 คะแนน
|
1. ในการบริหารจัดการหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมีเป้าหมายสำคัญตรงกับข้อใด
|
ก. มุ่งพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
ข. มุ่งพัฒนาผู้เรียนไปสู่คุณภาพตามมาตรฐาน
ค. มุ่งพัฒนาหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้
ง. มุ่งพัฒนาครูผู้สอนให้จัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
2. ข้อใดแสดงถึงความเป็นผู้นำทางวิชาการในการบริหารจัดการหลักสูตร
|
ก. ร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพ
ข. วางแผนในการจัดการเรียนรู้ร่วมกันกับครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
ค. ให้คำแนะนำแก่ครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
ง. จัดลำดับความสำคัญของงานพัฒนาหลักสูตรโดยคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ
|
3. ข้อใดแสดงถึงความเป็นผู้นำชุมชนในการบริหารจัดการหลักสูตร
|
ก. ร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพ
ข. วางแผนในการจัดการเรียนรู้ร่วมกันกับครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
ค. ให้คำแนะนำแก่ครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
ง. จัดลำดับความสำคัญของงานพัฒนาหลักสูตรโดยคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ
|
4. ข้อใดเป็นบทบาทสำคัญที่สุดของผู้บริหารในการเป็นผู้นำด้านการจัดการเรียนการสอน
|
ก. ให้ครูวางแผนการจัดการเรียนรู้ได้
ข. ให้ครูมีเจตคติที่ดีต่อการสอนคณิตศาสตร์
ค. ให้ครูจัดการเรียนการสอนได้อย่างเป็นระบบ
ง. ให้ครูเข้าใจการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
|
5. ทุกข้อเป็นบทบาทผู้บริหารในฐานะเป็นผู้นำในการจัดการเรียนรู้ ยกเว้นข้อใด
|
ก. จะต้องยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับความต้องการ และความสนใจของนักเรียน
ข. จะต้องช่วยให้นักเรียนได้รับความเสมอภาคในการเรียนทุกคน
ค. จะต้องช่วยให้เกิดบูรณาการประสบการณ์ทั้งมวลของนักเรียน
ง. จะต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนมีอิสระในการเรียน การเล่น
|
แบบทดสอบประจำหน่วยที่ 4 4 คะแนน
|
1. ข้อใดเป็นขั้นตอนของ A ในกระบวนการวิจัยปฏิบัติการแบบ P-A-O-R
|
ก. การสำรวจปัญหาและจัดทำแผนการแก้ปัญหาร่วมกัน
ข. การประเมิน ตรวจสอบกระบวนการแก้ปัญหา
ค. การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ง. การปฏิบัติตามแผนการแก้ปัญหา
|
2. ข้อใดเป็นขั้นตอนของ P ในกระบวนการวิจัยปฏิบัติการแบบ P-A-O-R
|
ก. การสำรวจปัญหาและจัดทำแผนการแก้ปัญหาร่วมกัน
ข. การประเมิน ตรวจสอบกระบวนการแก้ปัญหา
ค. การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ง. การปฏิบัติตามแผนการแก้ปัญหา
|
3. ทุกข้อเป็นหลักการของการใช้การนิเทศบนพื้นฐานการวิจัย (Research Based Supervision : RBS) ยกเว้นข้อใด
|
ก. ความเป็นกัลยาณมิตร
ข. การเรียนรู้ด้วยตนเอง
ค. การมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน
ง. การใช้วงจรการวิจัย P-A-O-R
|
4. ขั้นตอนกระบวนการพัฒนานวัตกรรม ขั้นใดที่ต้องอาศัยการศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎี
|
ก. การเลือกนวัตกรรมที่เหมาะสมที่สุด
ข. การวิเคราะห์ปัญหาการปฏิบัติงาน
ค. การสร้างต้นแบบนวัตกรรม
ง. การการทดลองภาคสนาม
|
5. ผลโดยตรงของการใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ ตรงกับข้อใด
|
ก. รายงานการวิจัยของครู
ข. การพัฒนาการสอนของครู
ค. ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ
ง. การมีส่วนร่วมของผู้บริหารและครู
|
แบบทดสอบประจำหน่วยที่ 5 5 คะแนน
|
1. ข้อใดเป็นกระบวนการสำหรับการแลกเปลี่ยนสื่อสาร
|
ก. ส่งจากผู้ส่งสาร -> เข้ารหัส -> ไปยังผู้รับสารหรืออุปกรณ์ถอดรหัส
ข. ส่งข้อมูล -> จัดเก็บ- > นำไปใช้งาน
ค. ข้อมูล -> เข้าช่องทางสื่อสาร -> เข้าใจและตอบสนอง
ง. ส่งข้อมูล -> ผู้รับข่าวสาร -> จัดเก็บ
|
2. การตรวจสอบข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่มีคุณสมบัติที่ดีคือข้อใด
|
ก. รวดเร็ว
ข. มีความถูกต้องแม่นยำ
ค. ทันสมัย
ง. ตรงตามความต้องการ
|
3. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ไม่ก่อประโยชน์ด้านทรัพยากรการเรียนรู้คือข้อใด
|
ก. มีเว็บไซต์ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน
ข. มีระบบจัดการแหล่งการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
ค. มีการจัดรวบรวมสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนเป็นระบบ
ง. ผู้เรียนใช้แหล่งเรียนรู้ในเว็บไซต์ที่ขาดคุณธรรม จริยธรรม
|
4. พ.ร.บ.การศึกษาชาติ 2542ได้กล่าวถึงเรื่องเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาไว้ในหมวดใด
|
ก. หมวด 6
ข. หมวด 7
ค. หมวด 8
ง. หมวด 9
|
5. ข้อใดไม่ใช่แนวทางปฏิบัติการจัดให้มีแหล่งข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาระดับโรงเรียน
|
ก. จัดให้มีสถานที่เพื่อเป็นศูนย์สารสนเทศ
ข. จัดให้มีวัสดุครุภัณฑ์ที่จำเป็น เช่น ตู้สำหรับจัดเก็บแฟ้มข้อมูลสารสนเทศ
ค. จัดแสดงสารสนเทศที่สำคัญ ๆ แต่ละรอบปีเช่น ตารางแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ง. จัดห้องเก็บสไลด์หรือแผ่นใสเพื่อไว้เผยแพร่ให้หน่วยงานอื่น
การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์
1. ข้อใดกล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูประบบราชการได้ถูกต้อง
|
ก. ความล่าช้า
ข. ความไม่มีประสิทธิภาพ
ค. การไม่ยืดหยุ่น
ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
|
2. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของประสิทธิภาพ (Efficiency) ถูกต้องที่สุด
|
ก. ผลผลิตเพิ่มขึ้นและปัจจัยเพิ่มขึ้น
ข. ผลผลิตที่ได้เท่าเดิมแต่ปัจจัยนำเข้าลดลง
ค. ผลผลิตลดลงแต่ปัจจัยนำเข้าเพิ่มขึ้น
ง. ผลผลิตเท่าเดิมแต่ปัจจัยเพิ่มขึ้น
|
3. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของผลสัมฤทธิ์ได้ถูกต้อง
|
ก. ผลสัมฤทธิ์ (Result) = ปัจจัยนำเข้า (Input) + ผลผลิต (Output)
ข. ผลสัมฤทธิ์ (Result) = ปัจจัยนำเข้า (Input) - ผลผลิต (Output)
ค. ผลสัมฤทธิ์ (Result) = ผลผลิต (Output) + ผลลัพธ์ (Outcomes)
ง. ผลสัมฤทธิ์ (Result) = ผลผลิต (Output) - ผลลัพธ์ (Outcomes)
|
4. ข้อใดกล่าวถึงการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ถูกต้องน้อยที่สุด
|
ก. การบริหารที่มุ่งผลผลิตและผลลัพธ์
ข. การบริหารที่มีตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม
ค. การบริหารที่ทุกคนในองค์การมีส่วนร่วมกันทำงาน
ง. การบริหารที่ยึดกฎระเบียบในการดำเนินงาน
|
5. ข้อใดกล่าวถึงความหมายปัจจัยหลักความสำเร็จ (CSFs Critical Success Factor) ไม่ถูกต้อง
|
ก. สิ่งที่องค์การต้องดำเนินการเพื่อให้งานสำเร็จ
ข. ที่องค์การต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ขององค์การ
ค. สิ่งที่องค์การต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์
ง. สิ่งที่องค์การต้องดำเนินการเพื่อรองรับการประเมินภายนอก
|
6. การกำหนดตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหลัก (KPI) ที่ดีต้องมีลักษณะเฉพาะเจาะจงและชัดเจน ตรงกับหลักการ SMART ข้อใด
|
ก. Specific
ข. Measurable
ค. Achievable
ง. Realistic
|
7. ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหลัก (KPI) มีความสัมพันธ์กับปัจจัยหลักความสำเร็จ (CSFs) ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด
|
ก. KPI ใช้วัดความก้าวหน้าการปฏิบัติงานตาม CSFs
ข. KPI ใช้ประเมินกระบวนการ CSFs
ค. KPI ใช้จำแนกขนาดของ CSFs
ง. KPI ใช้วัดความสามารถของ CSFs
|
8. “ครูสามารถจัดการเรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อได้” จากข้อความนี้ท่านว่าสัมพันธ์กับข้อใด
|
ก. ปัจจัยหลักความสำเร็จ
ข. พันธกิจ
ค. ตัวชี้วัดผลผลิต
ง. ตัวชี้วัดผลลัพธ์
|
9. การวัดผลการปฏิบัติงาน (Performance Measurement) สิ่งที่จะต้องนำไปเปรียบเทียบ ท่านคิดว่าข้อใดถูกต้องที่สุด
|
ก. ปัจจัยนำเข้า
ข. เป้าหมาย
ค. กระบวนการ
ง. วิสัยทัศน์
|
10. ข้อใดกล่าวถึงการประเมินโครงการได้ถูกต้องที่สุด
|
ก. ความงดงาม
ข. ความละเอียด ซับซ้อน
ค. ความทันสมัย
ง. ความคุ้มค่า
|
11. การตรวจสอบผลการปฏิบัติงานตามหลักการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ข้อใดกล่าวถูกต้อง
|
ก. เน้นกระบวนการทำงาน
ข. เน้นผลสัมฤทธิ์
ค. เน้นปัจจัยนำเข้า
ง. เน้นความถูกต้องตามระเบียบราชการ
|
12. ข้อใดกล่าวถึงประโยชน์การติดตามผลการปฏิบัติงานไม่ถูกต้อง
|
ก. เพิ่มความสำคัญของผู้บังคับบัญชา
ข. ปรับปรุงการกำหนดนโยบายการทำงาน
ค. ช่วยให้มองเห็นภาพรวมการทำงานทั้งระบบ
ง. สร้างขวัญกำลังกับผู้เกี่ยวข้อง
|
13. ข้อใดกล่าวถึงกระบวนการจัดทำแผนกลยุทธ์ขององค์การได้ถูกต้องที่สุด
|
ก. การจัดทำแผนกลยุทธ์เป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูง
ข. การจัดทำแผนกลยุทธ์ทุกคนในองค์การต้องมีส่วนรวม
ค. การจัดทำสอนกลยุทธ์ในองค์การขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องดำเนินการ
ง. การจัดทำแผนกลยุทธ์ควรให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์เป็นผู้รับผิดชอบจัดทำ
|
14. “ร้อยละของนักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีการศึกษา 2554 ที่เข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา” ข้อความนี้กล่าวถึงตัวชี้วัดตามข้อใด
|
ก. ตัวชี้วัดปัจจัยนำเข้า
ข. ตัวชี้วัดผลผลิต
ค. ตัวชี้วัดผลลัพธ์
ง. ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ
|
15. หลักเกณฑ์ในการเลือกวิธีการเก็บข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องควรพิจารณาข้อใดน้อยที่สุด
|
ก. ความเป็นไปได้
ข. ความสะดวก
ค. ความน่าเชื่อถือ
ง. ต้นทุนในการดำเนินการ ## ไม่แน่ใจ
|
16. ข้อใดกล่าวถึงตัวชี้วัดได้ถูกต้อง
|
ก. จำนวนตัวชี้วัดจะต้องมีจำนวนมาก
ข. จำนวนตัวชี้วัดจะต้องมีเท่าที่จำเป็นที่สอดคล้องกับสิ่งที่จะวัด
ค. จำนวนตัวชี้วัดต้องสอดคล้องกับผู้รับผิดชอบโครงการ
ง. ถูกทุกข้อ
|
17. ข้อใดกล่าวถึงลักษณะขององค์การที่ใช้ระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ได้ถูกต้อง
|
ก. มีพันธกิจ วัตถุประสงค์และเป้าหมายชัดเจน
ข. การพิจารณางบประมาณยึดผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก
ค. มีการกระจายอำนาจการตัดสินใจให้ผู้เกี่ยวข้อง
ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
|
18. การวิเคราะห์ภารกิจและผลผลิตหลักของสถานศึกษาท่านคิดว่าคำตอบข้อใด เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด
|
ก. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550
ข. พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ค. นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ
ง. ถูกทุกข้อ
|
19. ข้อโดกล่าวถึงลักษณะเด่นของ “เป้าประสงค์” ได้ถูกต้อง
|
ก. เป็นผลผลิต
ข. เป็นผลลัพธ์
ค. เป็นกระบวนการ
ง. เป็นปัจจัยนำเข้า
|
20. การเขียนโครงการที่สอดคล้องกับหลักการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ ข้อใดเป็นลักษณะเด่นที่สุด
|
ก. มีการระบุเป้าหมายโครงการชัดเจน
ข. มีการระบุผลผลิตและผลลัพธ์
ค. มีการระบุงบประมาณชัดเจน
ง. มีการระบุกลยุทธ์การดำเนินงานชัดเจน
การจัดการความรู้ นำเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้บริหารสถานศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการอื่นใด คำตอบที่พบได้จากการศึกษาวิเคราะห์ว่าน่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุดผู้บริหารท่านใดคิดว่าอาจจะไม่ถูกต้อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ที่เว็บบอร์ด ขอขอบคุณ
แบบทดสอบก่อนเรียน Pre - test
1. ข้อใดไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวข้องของความหมายของการจัดการความรู้
|
ก. เป็นกลยุทธ์การบริหารจัดการ
ข. เป็นผลให้การดำเนินขององค์กรดีขึ้น
ค. เป็นแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ง. เป็นระบบและมีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
|
2. ทุกข้อเป็นองค์ประกอบสำคัญของการจัดการความรู้ ยกเว้นข้อใด
|
ก. คน
ข. เทคโนโลยี
ค. กระบวนการจัดการความรู้
ง. การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้
|
3. ทุกข้อเป็นความรู้ที่ชัดแจ้ง(Explicit Knowledge) ยกเว้นข้อใด
|
ก. วิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูในชั้นเรียน
ข. แนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ค. ทฤษฎีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ง. หลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
|
4. ความรู้ที่ฝังลึกในตัวบุคคล (Tacit Knowledge) ตรงกับข้อใด
|
ก. หลักการในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ด้วย Backward Design
ข. แนวคิดในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ด้วย Backward Design
ค. วิธีการปฏิบัติจริงในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ด้วย Backward Design
ง. ขั้นตอนการปฏิบัติในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ด้วย Backward Design
|
5. จากวงจรของการจัดการความรู้ สิ่งแรกที่องค์กรต้องปฏิบัติคือข้อใด
|
ก. การกำหนดเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ที่องค์กรต้องการ
ข. การสื่อสารให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจในสิ่งที่องค์กรทำ
ค. การให้ความรู้แก่บุคลากรเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ
ง. การจัดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในองค์กร
|
6. การสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคลากรในองค์กร ตรงกับข้อใด
|
ก. การจัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม
ข. การยกย่องชมเชยและให้รางวัล
ค. กระบวนการและเครื่องมือ
ง. การสื่อสาร
|
7. เครื่องมือในข้อใด ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้ที่ฝังลึกในตัวบุคคล
|
ก. Web board
ข. บอร์ดประชาสัมพันธ์
ค. เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)
ง. เรื่องเล่าเร้าพลัง (Story Telling)
|
8. ข้อใดเป็นขั้นตอนการปรับปรุงรูปแบบ เนื้อหาเอกสารหรือองค์ความรู้ให้สมบูรณ์
|
ก. การประมวลและกลั่นกรองความรู้
ข. การสร้างและแสวงหาความรู้
ค. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ
ง. การเข้าถึงความรู้
|
9. ข้อใดเป็นขั้นตอนการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ แก้ปัญหาและปรับปรุงองค์กร
|
ก. การสร้างและแสวงหาความรู้
ข. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ
ค. การบ่งชี้ความรู้
ง. การเรียนรู้
|
10. ข้อใดเป็นส่วนที่แสดงถึงส่วนหัวปลา ตามโมเดลปลาทู
|
ก. การใช้เทคโนโลยีนำความรู้ที่เด่นชัด (Explicit Knowledge) ไปเผยแพร่
ข. การกำหนดความสำเร็จของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ค. การจัดทำเป็นชุมชนนักปฏิบัติ (Communities of Practice : CoP)
ง. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยเรื่องเล่าเร้าพลัง
|
11. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยเอื้อที่ทำให้การจัดการความรู้ประสบผลสำเร็จ
|
ก. การมีทิศทางและกลยุทธ์ที่ชัดเจนขององค์กร
ข. การมีบุคลากรที่มีความสามารถ
ค. การมีโครงสร้างพื้นฐาน
ง. ภาวะผู้นำของผู้บริหาร
|
12. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
|
ก. เทคโนโลยีช่วยในการติดต่อสื่อสารและเชื่อมโยงคนเข้าด้วยกัน
ข. เทคโนโลยีช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้กับคนในองค์กร
ค. เทคโนโลยีช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้
ง. เทคโนโลยีช่วยให้องค์กรมีความทันสมัย
|
13. ข้อใดเป็นปัจจัยเอื้อที่สำคัญที่สุด
|
ก. การวัดผล
ข. โครงสร้างพื้นฐาน
ค. วัฒนธรรมองค์กร
ง. กลยุทธ์ขององค์กร
|
14. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการใช้เรื่องเล่าเร้าพลังในการจัดการความรู้
|
ก. เพื่อเชื่อมโยงความรู้และนวัตกรรม
ข. เพื่อสร้างชุมชนแนวใหม่ปฏิบัติ
ค. เพื่อจับความรู้ฝังลึก
ง. เพื่อพัฒนาองค์กร
|
15. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะการเล่าเรื่องที่ดี
|
ก. เรื่องเล่าเป็นเรื่องจริง
ข. เรื่องเล่าสอดคล้องกับต้องการของตนเอง
ค. มีลีลาการเล่าที่ทำให้เกิดพลังการขับเคลื่อน
ง. เรื่องที่เล่า ครบจบภายในเวลาประมาณ 2-3 นาที
|
16. ผู้มีบทบาทเป็นผู้สร้างบรรยากาศที่ดีที่จะนำไปสู่การแบ่งปันความรู้ ตรงกับข้อใด
|
ก. คุณอำนวยหรือผู้ดำเนินการกลุ่ม
ข. หัวหน้าทีมและผู้ดำเนินการกลุ่ม
ค. คุณเอื้อหรือหัวหน้าทีม
ง. คุณลิขิตหรือผู้จดบันทึก
|
17. ผู้มีบทบาทช่วยตั้งคำถาม เพื่อให้ความรู้ฝังลึกได้ถูกสกัดออกมา ตรงกับข้อใด
|
ก. คุณอำนวยหรือผู้ดำเนินการในกลุ่ม
ข. หัวหน้าทีมและผู้ดำเนินการในกลุ่ม
ค. คุณกิจหรือบุคคลที่เป็นเจ้าของเรื่อง
ง. คุณเอื้อหรือหัวหน้าทีม
|
18. ทุกข้อเป็นแก่นความรู้ ยกเว้นข้อใด
|
ก. เป็นความรู้เชิงทฤษฎี
ข. เป็นขุมความรู้ที่นำมาจัดหมวดหมู่
ค. เป็นขุมความรู้ที่สกัดได้จากเรื่องเล่า
ง. เป็นชุดความรู้ชุดหนึ่งสำหรับใช้ทำงานใดงานหนึ่ง
|
19. ทุกข้อเป็นลักษณะของขุมความรู้ที่ดี ยกเว้นข้อใด
|
ก. เป็นวิธีปฏิบัติ
ข. เป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วยกิริยา
ค. เป็นถ้อยคำที่ผู้เขียนบัญญัติขึ้น
ง. เป็นข้อความที่สื่อความเข้าใจได้โดยทั่วไป
|
20. ข้อใดเป็นบันทึกขุมความรู้ที่มีวิธีปฏิบัติไม่ถูกต้อง จากเรื่อง การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
|
ก. เรียนรู้จากชุดฝึกที่ตรงกับความสามารถของนักเรียน
ข. เรียนรู้ที่สนองความสนใจของนักเรียน
ค. เอาใจใส่นักเรียนเป็นรายบุคคล
ง. ต้องสอนให้มาก สอนต่อเนื่อง
|
แบบทดสอบหลังเรียน Post-test
1. ความหมายของการจัดการความรู้ตรงกับข้อใดมากที่สุด
|
ก. กระบวนการจัดการความรู้ที่มีอยู่หรือเรียนรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร
ข. กลยุทธ์การบริหารจัดการข้อมูลที่เป็นความรู้ให้เป็นระเบียบครบถ้วน
ค. วิธีการจัดการข้อมูลที่ต้องเกี่ยวข้องกับบุคลกรในองค์กรทุกคน
ง. การยกระดับความรู้ขององค์กร
|
2. องค์ประกอบสำคัญของการจัดการความรู้ตรงกับข้อใด
|
ก. เทคโนโลยี กระบวนการจัดการความรู้ การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้
ข. กระบวนการจัดการความรู้ การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ คน
ค. การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ คน เทคโนโลยี
ง. คน เทคโนโลยี กระบวนการจัดการความรู้
|
3. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ตรงกับข้อใด
|
ก. การใช้การบริหารจัดการที่เน้นการมีส่วนร่วม
ข. ทฤษฎีการบริหารจัดการที่เน้นการมีส่วนร่วม
ค. ประสบการณ์การบริหารจัดการที่เน้นการมีส่วนร่วม
ง. การปฏิบัติจริงในการบริหารจัดการที่เน้นการมีส่วนร่วม
|
4. ความรู้ในข้อใดที่เป็นความรู้ที่ฝังลึกในตัวบุคคล (Tacit Knowledge)
|
ก. ทฤษฎีการประเมินผู้เรียนที่เน้นการประเมินตามสภาพจริง
ข. หลักการการประเมินผู้เรียนที่เน้นการประเมินตามสภาพจริง
ค. แนวทางการประเมินผู้เรียนที่เน้นการประเมินตามสภาพจริง
ง. ประสบการณ์ในการประเมินผู้เรียนที่เน้นการประเมินตามสภาพจริง
|
5. สิ่งที่จะช่วยบอกถึงสถานะของกระบวนการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ภายในองค์กรคือข้อใด
|
ก. การจัดการเปลี่ยนแปลง
ข. การยกย่องชมเชย
ค. การวัดผล
ง. การเรียนรู้
|
6. ข้อใดเป็นเสมือนแกนหลักของการจัดการความรู้
|
ก. การวัดผล
ข. การสื่อสาร
ค. กระบวนการและเครื่องมือ
ง. การจัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม
|
7. การจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบุคลากรในองค์กร ถือเป็นการดำเนินงานในข้อใด
|
ก. การจัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม
ข. กระบวนการและเครื่องมือ
ค. การวัดผล
ง. การเรียนรู้
|
8. กระบวนการจัดการความรู้มีขั้นตอนที่สำคัญกี่ขั้นตอน
|
ก. 6 ขั้นตอน
ข. 7 ขั้นตอน
ค. 8 ขั้นตอน
ง. 9 ขั้นตอน
|
9. กระบวนการใดที่เป็นการใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์กับองค์กรมากที่สุด
|
ก. การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ข. การสร้างและแสวงหาความรู้
ค. การเข้าถึงความรู้
ง. การเรียนรู้
|
10. ข้อใดเป็นส่วนที่แสดงถึงส่วนหางปลา ตามโมเดลปลาทู
|
ก. การใช้เทคโนโลยีนำความรู้ที่เด่นชัด (Explicit Knowledge) ไปเผยแพร่
ข. การกำหนดความสำเร็จของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ค. การจัดทำเป็นชุมชนนักปฏิบัติ (Communities of Practice : CoP)
ง. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยเรื่องเล่าเร้าพลัง
|
11. การจัดสถานที่ให้บุคลากรได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถือเป็นการดำเนินงานในข้อใด
|
ก. วัฒนธรรมองค์กร
ข. โครงสร้างพื้นฐาน
ค. การสร้างบรรยากาศ
ง. การสื่อสารภายในองค์กร
|
12. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
|
ก. เทคโนโลยีช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ
ข. เทคโนโลยีช่วยให้คนค้นหาความรู้ได้สะดวก
ค. เทคโนโลยีช่วยให้คนเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้
ง. เทคโนโลยีช่วยให้ข้อมูลความรู้จัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ
|
13. ข้อใดที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ระหว่างบุคลากรในองค์กร
|
ก. โครงสร้างพื้นฐาน
ข. วัฒนธรรมองค์กร
ค. กลยุทธ์ขององค์กร
ง. การวัดผล
|
14. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของการใช้เรื่องเล่าเร้าพลังในการจัดการความรู้
|
ก. เพื่อให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
ข. เพื่อสร้างชุมชนแนวใหม่ปฏิบัติ
ค. เพื่อจับความรู้ฝังลึก
ง. เพื่อพัฒนาตน
|
15. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะการเล่าเรื่องที่ดี
|
ก. เรื่องเล่าเป็นเรื่องสมมุติขึ้น
ข. เรื่องเล่าสอดคล้องกับหัวปลาของกลุ่ม
ค. มีลีลาการเล่าที่ทำให้เกิดพลังการขับเคลื่อน
ง. เรื่องที่เล่า ครบจบภายในเวลาประมาณ 2-3 นาที
|
16. ผู้มีบทบาททำให้สมาชิกในกลุ่มได้เล่าเรื่องกันทุกคน
|
ก. หัวหน้าทีมและผู้ดำเนินการในกลุ่ม
ข. คุณอำนวยหรือผู้ดำเนินการในกลุ่ม
ค. คุณเอื้อหรือหัวหน้าทีม
ง. คุณลิขิตหรือผู้จดบันทึก
|
17. ผู้ทำหน้าที่เล่าเรื่องด้วยการบอกความสำเร็จของตนเองตามหัวปลาที่กำหนดไว้ ตรงกับข้อใด
|
ก. คุณเอื้อหรือหัวหน้าทีม
ข. คุณอำนวยหรือผู้ดำเนินการกลุ่ม
ค. หัวหน้าทีมและผู้ดำเนินการกลุ่ม
ง. คุณกิจหรือบุคคลที่เป็นเจ้าของเรื่อง
|
18. ทุกข้อเกี่ยวข้องกับแก่นความรู้ ยกเว้นข้อใด
|
ก. เป็นความรู้เชิงปฏิบัติ
ข. เป็นขุมความรู้ที่นำมาจัดหมวดหมู่
ค. เป็นขุมความรู้ที่สกัดจากบทความทางวิชาการ
ง. เป็นชุดความรู้ชุดหนึ่งสำหรับใช้ทำงานใดงานหนึ่ง
|
19. ทุกข้อเป็นลักษณะของขุมความรู้ ยกเว้นข้อใด
|
ก. เป็นวิธีการปฏิบัติ
ข. เป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วยกิริยา
ค. เป็นภาษาวิชาการที่ต้องอธิบายความหมาย
ง. เป็นข้อความที่สื่อความเข้าใจได้โดยทั่วไป
|
20. ข้อใดเป็นบันทึกขุมความรู้ที่มีวิธีปฏิบัติไม่ถูกต้อง จากเรื่อง การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
|
ก. เอาใจใส่นักเรียนเป็นรายบุคคล
ข. ต้องสอนเต็มเวลา เต็มหลักสูตร
ค. เรียนรู้ที่สนองความสนใจของนักเรียน
ง. เรียนรู้จากชุดฝึกที่ตรงกับความสามารถของนักเรียน
หลักสูตร การพัฒนาสมรรถนะประจำสายงานและสมรรถนะหลักสำหรับผู้บริหาร
นำเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้บริหารสถานศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการอื่นใด คำตอบที่พบได้จากการศึกษาวิเคราะห์ว่าน่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด ผู้บริหารท่านใดคิดว่าอาจจะไม่ถูกต้อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ที่เว็บบอร์ด ขอขอบคุณ
แบบทดสอบหลังเรียน post - test
1. ข้อต่อไปนี้เป็นความสำคัญของสมรรถนะที่มีต่อการบริหารทรัพยากรบุคคล ยกเว้นข้อใด
|
ก. เป็นเครื่องมือในการพัฒนาความสามารถของบุคลากรในองค์กรอย่างมีระบบต่อเนื่อง
ข. ช่วยให้เกิดการแข่งขันระหว่างบุคลากรในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ค. เป็นมาตรฐานการแสดงพฤติกรรมที่ดีในการทำงานของบุคลากร
ง. สามารถนำไปใช้ในการวัดและประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
|
2. ข้อใดเป็นเหตุผลความจำเป็นที่สำคัญที่สุดในการนำสมรรถนะมาใช้ในหน่วยราชการ
|
ก. เพื่อให้ข้าราชการมีความรู้ มีทักษะ ตามทันเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ ๆ การบริหารจัดการองค์กรสมัยใหม่
ข. เพื่อให้ทันสมัยเทียบเคียงกับหน่วยงานเอกชนที่นำสมรรถนะมาใช้แล้ว
ค. เป็นเครื่องมือที่ชี้นำแนวทางการพัฒนาทั้งในระดับบุคคลและองค์กรได้
ง. เพื่อให้การบริหารบุคลากรขององค์การดำเนินไปอย่างมีทิศทางและเพื่อพัฒนาสมรรถนะของข้าราชการและ ประสิทธิผลของหน่วยงานภาครัฐ
|
3. หน่วยงานในข้อใดต่อไปนี้ที่ไม่ได้นำหลักการของสมรรถนะมาใช้
|
ก. บริหารบุคลากรโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาองค์กร
ข. พัฒนาบุคลากรโดยเน้นที่การประกันคุณภาพการฝึกอบรมเป็นสำคัญ
ค. สรรหาและแต่งตั้งบุคลากรโดยพิจารณาจากการมีความรู้ ทักษะ ทัศนคติ และ พฤติกรรมที่ตรงกับความ ต้องการของตำแหน่งนั้น ๆ
ง. มีการพัฒนาเส้นทางอาชีพ เพื่อให้บุคลากรมีเส้นทางความก้าวหน้าในสายงานที่ชัดเจน
|
4. กฎ ระเบียบต่าง ๆ ต่อไปนี้เกี่ยวข้องในการนำสมรรถนะมาใช้ในระบบราชการ ยกเว้นข้อใด
|
ก. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
ข. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545
ค. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
ง. พระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
|
5. การบริหารงานบุคคลเรื่องใดบ้างที่จำเป็นต้องใช้ "สมรรถนะ" เป็นเครื่องมือช่วยในการ กำหนดจุดมุ่งหมายและแนวทางดำเนินการ
|
ก. การฝึกอบรม
ข. การจัดการผลการปฏิบัติงาน
ค. การสืบทอดตำแหน่ง
ง. ถูกทุกข้อ
|
6. ข้อใดกล่าวได้อย่างชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับสมรรถนะ
|
ก. สมรรถนะเป็นทักษะ ความรู้และ ความสามารถ หรือพฤติกรรมของบุคลากร ที่จำเป็น ในการปฏิบัติงานใดงานหนึ่ง
ข. คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่ทำให้ บุคลากรในองค์กรปฏิบัติงานได้ผลงานโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
ค. ความรู้ ความสามารถ ทักษะ และแรงจูงใจที่มีความสัมพันธ์กัน
ง. สมรรถนะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาและไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
|
7. คุณลักษณะของบุคคลในต่อไปนี้ข้อใดที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคลและสามารถพัฒนา ได้ยากที่สุด
|
ก. แรงจูงใจ
ข. แนวคิดของตนเอง
ค. ลักษณะนิสัย
ง. ค่านิยม
|
8. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุด
|
ก. บุคคลที่มีสมรรถนะถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้และทักษะที่ดี
ข. บุคคลที่มีแรงจูงใจและทัศนคติที่ดีต่องานเป็นบุคคลที่มีสมรรถนะดี
ค. บุคคลที่มีสมรรถนะดีย่อมมีความรู้ ทักษะและแรงจูงใจที่ดีต่อการปฏิบัติงาน
ง. บุคคลที่มีสมรรถนะดีจะมุ่งเน้นที่การใช้ความรู้ ทักษะและคุณลักษณะอื่นๆ เพื่อช่วยให้เกิดผลสำเร็จที่ดีเลิศ
|
9. โปรดเรียงลำดับระดับของขีดความสามารถต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. นำความรู้ใหม่ ๆ ในสายอาชีพมาปรับใช้เพื่อปรับปรุงวิธีการปฏิบัติงานของตนเองให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2. กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้และติดตามความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานอยู่เสมอ 3. มองเห็นภาพรวมและความเชื่อมโยงของเรื่องต่าง ๆ และสามารถสรุปประเด็นสำคัญของเรื่อง ดังกล่าวได้ 4. สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมในสถานการณ์ที่หลากหลาย
|
ก. 2 1 4 3
ข. 1 2 4 3
ค. 3 1 2 4
ง. 1 3 2 4
|
10. ข้อใดกล่าวได้อย่างถูกต้อง
|
ก. องค์กรที่มีลักษณะงาน เดียวกันจะใช้ Core Competency เหมือนกัน
ข. Core Competency ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร
ค. Managerial Competency จะมีได้เฉพาะในระดับบริหารเท่านั้น
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
|
11. ในการขอเลื่อนวิทยฐานะสำหรับผู้บริหารตามหลักเกณฑ์ของ ก.ค.ศ. ท่านในฐานะผู้บริหาร จะต้องผ่านหลักเกณฑ์ด้านคุณสมบัติด้านใดบ้าง
|
ก. ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ
ข. ด้านคุณภาพการปฏิบัติงาน
ค. ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน
ง. ถูกทุกข้อ
|
12. ตัวบ่งชี้ของสมรรถนะข้อใดไม่เข้าพวก
|
ก. ความถูกต้อง
ข. เกิดความพึงพอใจ
ค. คิดริเริ่มสร้างสรรค์
ง. มุ่งมั่นพัฒนาต่อเนื่อง
|
13. การศึกษาค้นคว้า หาความรู้ ติดตามองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในวงวิชาการและวิชาชีพ เพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน คือสมรรถนะใด
|
ก. การพัฒนาตนเอง
ข. การมุ่งผลสัมฤทธิ์
ค. การบริการที่ดี
ง. การพัฒนาศักยภาพบุคลากร
|
14. ข้อใดเป็นตัวบ่งชี้ของสมรรถนะที่แตกต่างจากข้ออื่น
|
ก. ทันสมัยทันเหตุการณ์เป็นปัจจุบัน
ข. เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกคนทุกฝ่าย
ค. เกิดจากกระบวนการคิดเชิงระบบ
ง. สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเป็นจริงด้วยเหตุและผล
|
15. การประเมินสมรรถนะสำหรับผู้บริหารวิทยฐานะเชี่ยวชาญจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินด้าน คุณภาพการปฏิบัติงานอย่างไร
|
ก. ได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 70
ข. ได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 75
ค. ได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 80
ง. ได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 85
|
16. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะต่อไปนี้ข้อใดสามารถโน้มน้าวให้ผู้อื่นเห็นด้วย ยอมรับคล้อยตาม เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของการสื่อสาร
|
ก. นำเสนอข้อมูลสารสนเทศด้านแนวคิด หลักวิชาการเพื่อให้ผู้อื่นคล้อยตาม
ข. บุคลิกภาพดีทั้งด้านการแต่งกาย กริยาท่าทาง การพูด การเขียน
ค. จัดกิจกรรมเพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ ในด้านต่าง ๆ อยู่เสมอ
ง. ถูกทุกข้อ
|
17. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับการเลือกสมรรถนะที่จะพัฒนา
|
ก. ควรพัฒนาสมรรถนะที่ต้องการพร้อม ๆ กันทุกด้าน
ข. ควรพิจารณาหลักสูตรการพัฒนาให้สอดคล้องกับสมรรถนะที่ต้องการ
ค. ควรเลือกสมรรถนะที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานเป็นลำดับแรก
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
|
18. “ความคิดเชิงระบบในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน”ถือเป็นตัวบ่งชี้ของสมรรถนะใด
|
ก. การพัฒนาศักยภาพบุคลากร
ข. การวิเคราะห์และสังเคราะห์
ค. การมีวิสัยทัศน์
ง. การทำงานเป็นทีม
|
19. ความสามารถในการให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือปัญหาให้แก่เพื่อนร่วมงานและ ผู้เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากร ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุนและให้โอกาสเพื่อนร่วมงานได้พัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ คือสมรรถนะใด
|
ก. การพัฒนาศักยภาพบุคลากร
ข. การบริการที่ดี
ค. การทำงานเป็นทีม
ง. การวิเคราะห์และสังเคราะห์
|
20. แนวทางการพัฒนาตนเองข้อใดที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาสมรรถนะ การมุ่งผลสัมฤทธิ์
|
ก. พัฒนางานที่ได้รับมอบหมายครบทุกรายการและปรากฏผลงานที่มีคุณภาพ
ข. นำข้อวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เกี่ยวข้องมาปรับปรุงหรือพัฒนาผลงานให้ดีขึ้น
ค. นำผลงานที่เกิดขึ้นแสดงต่อบุคคลทั้งภายในและภายนอกองค์กรที่เกี่ยวข้อง
ง. ถูกทุกข้อ
|
21. “มีการทดลองวิธีการหรือจัดทำคู่มือประกอบการพัฒนางานใหม่ๆ โดยมีการจัดทำ รายงานการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมชัดเจน และมีการเผยแพร่ในวงกว้าง” เป็นเกณฑ์การประเมินในสมรรถนะใด
|
ก. การพัฒนาตนเอง
ข. การมุ่งผลสัมฤทธิ์
ค. การวิเคราะห์และสังเคราะห์
ง. การมีวิสัยทัศน์
|
22. ผลข้อใดจะเกิดขึ้นหากไม่มีการประเมินสมรรถนะบุคคล
|
ก. ประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์การจะไม่อยู่ในระดับสูงเท่าที่ควร
ข. องค์กรจะด้อยความสามารถในการบริหารเชิงรุก และการพัฒนาในระยะยาว
ค. องค์กรด้อยความสามารถในการปรับตัว เพื่อแข่งขันกับองค์กรอื่นๆหรือเพื่อตอบสนองความต้องการของ สังคมสิ่งแวดล้อม
ง. ถูกทุกข้อ
|
23. การประเมินที่ดีควรมีลักษณะต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
|
ก. มีวัตถุประสงค์ในการประเมินอย่างชัดเจน
ข. เป็นกระบวนการที่สามารถวัดประเมินได้
ค. ประเมินอย่างเป็นระบบ
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
|
24. การประเมินรูปแบบใดที่มุ่งประเมินพฤติกรรมหลักที่คาดหวังและได้รับความนิยมใน การใช้ประเมินสมรรถนะ
|
ก. BARS
ข. Self-Boss Assessment
ค. 360 Evaluation
ง. Interview
|
25. ปัญหาอุปสรรคสำคัญในการนำสมรรถนะมาใช้ ได้แก่
|
ก. การประเมินสมรรถนะถูกมองว่าเป็นเรื่องยากและไม่ได้รับความสำคัญจากฝ่ายบริหาร
ข. ไม่ได้นำข้อมูลสมรรถนะมาใช้ในการสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง หรือเลื่อนตำแหน่งอย่างจริงจัง
ค. การประเมินบุคคลไม่ได้ใช้ข้อมูลและเหตุผลเชิงวิชาการแต่ใช้ความรู้สึกของผู้ประเมินเป็นหลัก
ง. ถูกทุกข้อ
การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง
|
นำเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้บริหารสถานศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการอื่นใด คำตอบที่พบได้จากการศึกษาวิเคราะห์ว่าน่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด ผู้บริหารท่านใดคิดว่าอาจจะไม่ถูกต้อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ที่เว็บบอร์ด ขอขอบคุณ
1. ข้อใดเป็นความหมายของการประเมินตามสภาพจริง
|
ก. การประเมินจากภาระงานและกิจกรรมที่ผู้เรียนสนใจ
ข. การประเมินที่เน้นการตอบข้อสอบและการปฏิบัติจริง
ค. การประเมินจากทักษะพื้นฐานในการปฏิบัติงานในสถานการณ์จริง
ง. การประเมินจากภาระงานและกิจกรรมที่สอดคล้องกับชีวิตจริงในแบบบูรณาการ
|
2. ลักษณะสำคัญของการประเมินตามสภาพจริงคือข้อใด
|
ก. การประเมินความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ในชิวิตประจำวัน
ข. ประเมินความคิด ความสามารถในการปฏิบัติงานและผลงานที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานการเรียนรู้
ค. ประเมินความสามารถของผู้เรียนเพื่อค้นหาจุดเด่นในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียน ให้เต็มศักยภาพของตนเอง
ง. ประเมินวิธีคิด การวางแผน การปฏิบัติงานและผลงานที่ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดตามความสนใจของตนเอง
|
3. การประเมินผลสำเร็จในการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ให้ข้อมูลตรงกับสภาพที่แท้จริงของผู้เรียนคือวิธีใด
|
ก. การประเมินทักษะการปฏิบัติงาน
ข. การตรวจผลงานที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมการเรียนรู้
ค. การสะท้อนตนเองเพื่อตรวจสอบกระบวนการทำงาน
ง. การสัมภาษณ์ผู้เรียนถึงเหตุผล ความคิดและความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับการเรียน
|
4. “อธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนฤดูกาลได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล” จัดเป็นมาตรฐานการเรียนรู้ด้านใด
|
ก. ด้านความรู้
ข. ด้านกระบวนการ
ค. ด้านจิตพิสัย
ง. เป็นได้ทั้งด้านความรู้และกระบวนการ
|
5. “เขียนบทความเพื่อแนะนำการอ่านอย่างมีประสิทธิภาพได้” มาตรฐานการเรียนรู้นี้ดีหรือไม่เพราะเหตุใด
|
ก. ไม่ดี เพราะวัดและและประเมินได้ยาก
ข. ไม่ดี เพราะไม่สามารถวัดโดยการสังเกตได้
ค. ดี เพราะสามารถวัดและประเมินได้โดยใช้ข้อสอบ
ง. ดี เพราะสามารถวัดและประเมินได้จากการตรวจผลงาน
|
6. องค์ประกอบของแบบประเมินตามสภาพจริง ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญคือข้อใด
|
ก. เกณฑ์การประเมิน และคะแนนแต่ละเกณฑ์
ข. เกณฑ์การประเมิน และคำอธิบายระดับคุณภาพของแต่ละเกณฑ์
ค. คำอธิบายระดับคุณภาพของเกณฑ์การประเมิน และน้ำหนักคะแนนของเกณฑ์การประเมิน
ง. คะแนนและน้ำหนักคะแนนของแต่ละเกณฑ์
|
7. ข้อใดกล่าวถึงภาระงานตามสภาพจริงได้ถูกต้อง
|
ก. เป็นภาระงานที่ใช้ได้ทั้งการเรียนรู้และการประเมินผลการเรียนรู้
ข. เป็นภาระงานที่ผู้เรียนต้องใช้ทั้งความรู้และความสามารถในการปฏิบัติงาน
ค. เป็นภาระงานที่ใช้ประเมินทั้งกระบวนการปฏิบัติงานและผลงานของผู้เรียน
ง. ถูกทุกข้อ
|
8. การกำหนดให้นักเรียนทำกิจกรรมใดที่ได้ผลการประเมินน่าเชื่อถือที่สุด
|
ก. เสนอผลงานที่ได้การสืบค้นด้วยคอมพิวเตอร์
ข. อธิบายขั้นตอนการสืบค้นข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
ค. สาธิตการสืบค้นด้วยคอมพิวเตอร์ให้ครูและเพื่อนดู
ง. เขียนแผนภาพแสดงขั้นตอนการสืบค้นข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
|
9. ครูให้ วิทย์ธวัช นำเสนอข่าวหนังสือพิมพ์โดยการอ่านให้เพื่อนในชั้นฟัง ควรใช้วิธีการใดที่เหมาะสมที่สุดในการประเมิน
|
ก. ให้นักเรียนในชั้นสรุปสาระสำคัญของข่าวที่ได้ฟัง
ข. ครูสังเกตและใช้แบบประเมินทักษะการอ่านไปพร้อม ๆกัน
ค. ครูบันทึกวีดิทัศน์แล้วให้นักเรียนในชั้นรวมทั้งครูคนอื่นเปิดดูแล้วช่วยประเมิน
ง. ครูและนักเรียนในชั้นสังเกตแล้วช่วยกันประเมินสรุปความสามารถในการอ่านโดยการอภิปรายร่วมกัน
|
10. ข้อใดครอบคลุมลักษณะที่ดีของเกณฑ์การประเมิน
|
ก. มีความชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย
ข. มีความชัดเจน เข้าใจง่าย สังเกตได้
ค. ระบุพฤติกรรมที่ชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย
ง. ระบุพฤติกรรมที่สังเกตได้ชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย
|
11. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการกำหนดเกณฑ์การประเมิน
|
ก. กำหนดจำนวนเกณฑ์เท่าที่จำเป็น
ข. ต้องประเมินให้ครบทุกกิจกรรม
ค. ต้องแจ้งเกณฑ์ในการประเมินให้ทราบก่อนปฏิบัติงาน
ง. กำหนดเกณฑ์การประเมินให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
|
12. เกณฑ์การประเมินที่สอดคล้องกับภาระงานควรมีลักษณะอย่างไร
|
ก. สามารถยืดหยุ่นและใช้ได้กับทุกสถานการณ์
ข. ใช้ภาษาที่ง่ายต่อการเข้าใจ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
ค. มีการกำหนดคำอธิบายในการให้คะแนนไว้อย่างชัดเจน
ง. เป็นข้อความที่ระบุพฤติกรรมการปฏิบัติที่สามารถสังเกตได้
|
13. หากแบบประเมินตามสภาพจริงมีเพียงคำบอกระดับคุณภาพ แต่ไม่มีการอธิบายเกณฑ์การให้คะแนน จะมีผลอย่างไร
|
ก. การตรวจผลงานทำได้ช้า ไม่สะดวก
ข. ผลการวิเคราะห์มีความแม่นยำ ถูกต้อง
ค. ยากต่อการจัดประเภทของผลงานได้ตามคุณภาพจริง
ง. ผู้ตรวจสามารถให้คะแนนได้อย่างยืดหยุ่นตามสภาพจริง
|
14. “การใช้เกณฑ์การประเมินโดยวิเคราะห์ผลงานของผู้เรียนที่สามารถอธิบายระดับคุณภาพของผลงาน ขึ้นมาก่อนว่าควรพิจารณาประเด็นใดบ้างแล้วจึงอธิบายระดับความสำเร็จในแต่ละประเด็น” เป็นคำอธิบายเกณฑ์การให้คะแนนแบบใด
|
ก. แบบภาพรวม
ข. แบบการให้คะแนนตามองค์ประกอบย่อย
ค. เป็นได้ทั้งสองแบบ
ง. ไม่ใช่ทั้งสองแบบ
|
15. จากชุดคำอธิบายเกณฑ์การให้คะแนนดังต่อไปนี้ ควรเป็นการประเมินในหัวข้อใด คะแนน 1เนื้อหาสาระส่วนใหญ่ไม่ตรงประเด็น คะแนน 2 เนื้อหาสาระบางส่วนไม่ตรงประเด็น คะแนน 3 เนื้อหาสาระทั้งหมดตรงประเด็น
|
ก. ความตรงกับวัตถุประสงค์
ข. ความตรงของเนื้อหาสาระ
ค. ความตรงเชิงโครงสร้าง
ง. ไม่มีข้อถูก
|
16. ผลงานในแฟ้มแสดงผลการเรียนรู้ สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งใดบ้าง 1) องค์ความรู้ในวิชาที่เรียน และแนวทางหรือวิธีการคิดที่ใช้ในการศึกษาเรื่องเหล่านั้น 2) แนวทางในการประยุกต์ใช้ความรู้ ที่จะนำไปใช้ในการหาความรู้เพิ่มเติม 3) การแสดงออกถึงความคิดหรือความสามารถต่างๆ เช่น การตัดสินใจ 4) ผลงานที่ผู้เรียนได้ประดิษฐ์ คิดค้น หรือกิจกรรมการทดลอง
|
ก. ข้อ 1) และ 2) ถูกต้อง
ข. ข้อ 1) และ 3) ถูกต้อง
ค. ข้อ 1), 2) และ 3) ถูกต้อง
ง. ข้อ 1), 2), 3) และ 4) ถูกต้อง
|
17. ข้อใดเป็นการประเมินแฟ้มผลการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจัดทำขึ้นที่ดีที่สุด
|
ก. การประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียน ให้ผู้สอนเป็นผู้ประเมินเท่านั้น
ข. การประเมินพัฒนาการของผู้เรียน สามารถทำได้โดยตัวผู้เรียนเอง เพื่อน ผู้สอน และผู้ปกครอง
ค. การประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียน พิจารณาจากผลการประเมินพัฒนาการของผู้เรียนเท่านั้น
ง. การประเมินพัฒนาการของผู้เรียน พิจารณาจากผลงานชิ้นที่ดีที่สุดในแฟ้มผลการจัดการเรียนรู้เท่านั้น
|
18. สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นสิ่งแรกก่อนที่ผู้สอนและผู้เรียนตัดสินใจร่วมกันแล้วว่าจะจัดทำแฟ้มแสดงผลการเรียนรู้ คือข้อใด
|
ก. การออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ข. การพิจารณาความพร้อมของผู้เรียนในการทำแฟ้มแสดงผลการเรียนรู้
ค. การศึกษาเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและรายวิชาที่สอน
ง. การพิจารณาว่าผลงานจากเรื่องที่เรียนเหมาะแก่การจัดทำแฟ้มแสดงผลการเรียนรู้หรือไม่
|
19. ข้อใดที่ไม่ใช่ประโยชน์ที่แท้จริงที่จะเกิดกับผู้เรียน ในขั้นตอนสุดท้ายของการจัดทำแฟ้มสะสมผลงาน การเรียนรู้
|
ก. ผู้เรียนได้รู้จุดแข็งจุดอ่อนของตนเอง
ข. ผู้เรียนได้รับการตัดสินผลการเรียนในรายวิชา
ค. ผู้เรียนสามารถใช้ประกอบในการเข้าศึกษาต่อ หรือสมัครงาน
ง. ผู้เรียนสามารถใช้ในการวางแผนการเรียนรู้ของตนเอง
|
20. ข้อใดถือเป็นเอกสารในแฟ้มสะสมผลงานการเรียนรู้ที่เหมาะสม
|
ก. บันทึกข้อความ
ข. เกียรติบัตร
ค. ภาพถ่าย
ง. ทุกข้อรวมกัน
|
|
|
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น