ผู้ตาม
ภาวะผู้ตาม (Followship)
สมพิศ สุขแสน
จาก การที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนร่วมงานในห้วงเวลาสั้น ๆ เกี่ยวกับภาวะผู้นำ และผู้ตามที่ดี ทำให้รับรู้ว่ามีอีกหลายคนที่คิดเหมือน ๆ กัน และให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงนำบทความที่เคยอ่านมาหลายปีแล้วให้ท่านได้ลองศึกษาดู
"ลักษณะผู้ตามที่มีประสิทธิผลกับแนวทางการพัฒนาผู้ตามในยุคปฏิรูประบบราชการ"
วรัช ยา ศิริวัฒน์.(2547,กุมภาพันธ์).“ลักษณะผู้ตามที่มีประสิทธิผลกับแนวทางการ พัฒนาผู้ตามในยุคปฏิรูประบบราชการ,” วารสารพัฒนาชุมชน.44(2):27-34.
ความหมายของผู้ตาม (FOLLOWERS) และภาวะผู้ตาม (FOLLOWSHIP)
ผู้ตาม และภาวะผู้ตาม หมายถึงผู้ปฏิบัติงานในองค์การที่มีหน้าที่ และความรับผิดชอบที่จะต้องรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชามาปฏิบัติให้สำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์
แบบของภาวะผู้ตาม (STYLE OF FOLLOWSHIP) เคลลี่ (KELLEY) ได้แบ่งประเภทของผู้ตามโดยใช้เกณฑ์ 2 มิติ ดังนี้
มิติที่ 1 คุณลักษณะ ของผู้ตามระหว่าง ความอิสระ (INDEPENDENT) (การพึ่งพาตนเอง) และความคิดสังสรรค์ (UNCRITICAL THINKING) ไม่อิสระ (พึ่งพาผู้อื่น) (DEPENDENT) และขาดความคิดสร้างสรรค์ (UNCRITICAL) พฤติกรรมของผู้ที่มีความเป็นอิสระ และความคิดสร้างสรรค์จะมีลักษณะเป็นผู้ ที่มีความคิดริเริ่ม และเสนอวิธีการใหมอยู่เสมอส่วนบุคคลที่มีลักษณะพึ่งพาผู้อื่นจะขาดความคิดริ เริม และคอยรับคำสั่งจากผู้นำโดยขาดการไตรตรอง
มิติที่ 2 คุณลักษณะของผู้ตามระหว่าง “ความกระตือรือร้น (ACTIVE BEHAVIOR) กับความเฉื่อยชา (PASSIVE BEHAVIOR)
คุณลักษณะพฤติกรรมของผู้ตาม 5 แบบมีดังนี้
1) ผู้ตามแบบห่างเหิน ผู้ตามแบบนี้เป็นคนเฉื่อยชา แต่มีความเป็นอิสระ และมีความคิดสร้างสรรค์สูง ผู้ตามแบบห่างเหินส่วนมาก เป็นผู้ตามที่มีประสิทธิผล มีประสบการณ์ และผ่านอุปสรรคมาก่อน
2) ผู้ตามแบบปรับตาม ผู้ตามแบบนี้ เรียกว่า ผู้ตามแบบครับผม เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แต่ขาดความคิดสร้างสรรค์
3) ผู้ตามแบบเอาตัวรอด ผู้ตามแบบนี้จะเลือกใช้ลักษณะผู้ตามแบบใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่จะเอื้อประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุดและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
4) ผู้ตามแบบเฉื่อยชา ผู้ตามแบบนี้ชอบพึ่งพาผู้อื่น ขาดความอิสระ ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
5) ผู้ตามแบบมีประสิทธิผล ผู้ตามแบบนี้เป็นผู้ที่ทีความตั้งใจในการปฏิบัติงานสูงมีความสามารถในการบริหารจัดการงานได้ด้วยตนเอง
ลักษณะผู้ตามที่มีประสิทธิผล ดังนี้
5.1 มีความสามรถในการบริหารจัดการตนเองได้ดี
5.2 มีความผูกพันธ์ต่อองค์การต่อวัตถุประสงค์
5.3 ทำงานเต็มศักยภาพ และสุดความสามารถ
5.4 มีความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ และน่าเชื่อถือ
การพัฒนาศักยภาพตนเองของผู้ตาม
การพัฒนาลักษณะนิสัยตนเองให้เป็นคนที่มีประสิทธิผลสูงมี 7 ประการคือ
1) ต้องมีนิสัยเชิงรุก (BE PROATIVE) หมายถึงไม่ต้องรอให้นายสั่ง
2) เริ่มต้นจากส่วนลึกในจิตใจ (BEGIN WITH THE END IN MIND)
3) ลงมือทำสิ่งแรกก่อน (PUT FIRST THINGS FIRST)
4) คิดแบบชนะทั้งสองฝ่าย (THINK WIN-WIN)
5) เข้าใจคนอื่นก่อนจะให้คนอื่นเข้าใจเรา (SEEK FIRST TO UNDERSTAND, THEN TO BE UNDERSTOOD)
6) การรวมพลัง (SYNERGY) หรือ ทำงานเป็นทีม (TEAM WORK)
7) ลับเลื่อยให้คม (SHARPEN THE SAW) คือพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
แนวทางส่งเสริมและพัฒนาผุ้ตามให้มีคุณลักษณะผู้ตามที่มีวัตถุประสงค์
1) การดูแลเอาใจใส่ เรื่องความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ให้กับบุคลากรเป็นธรรม
2) การจูงใจด้วยการให้รางวัลคำชมเชย
3) การให้ความรู้ และพัฒนาความคิดโดยการจัดโครงการฝึกอบรมสัมมนาและศึกษาดูงาน
4) ผู้นำต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่าง
5) มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง
6) ควรนำหลักการประเมินผลงานที่เน้นผลสัมฤทธิ์มาพิจารณาความดีความชอบ
7) ส่งเสริมการนำพุทธศาสนามาใช้ในการทำงาน
8) การส่งเสริมสนับสนุนให้ผุ้ตามนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการปฏิบัติงานอย่างจริงจัง
สมพิศ สุขแสน
จาก การที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนร่วมงานในห้วงเวลาสั้น ๆ เกี่ยวกับภาวะผู้นำ และผู้ตามที่ดี ทำให้รับรู้ว่ามีอีกหลายคนที่คิดเหมือน ๆ กัน และให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงนำบทความที่เคยอ่านมาหลายปีแล้วให้ท่านได้ลองศึกษาดู
"ลักษณะผู้ตามที่มีประสิทธิผลกับแนวทางการพัฒนาผู้ตามในยุคปฏิรูประบบราชการ"
วรัช ยา ศิริวัฒน์.(2547,กุมภาพันธ์).“ลักษณะผู้ตามที่มีประสิทธิผลกับแนวทางการ พัฒนาผู้ตามในยุคปฏิรูประบบราชการ,” วารสารพัฒนาชุมชน.44(2):27-34.
ความหมายของผู้ตาม (FOLLOWERS) และภาวะผู้ตาม (FOLLOWSHIP)
ผู้ตาม และภาวะผู้ตาม หมายถึงผู้ปฏิบัติงานในองค์การที่มีหน้าที่ และความรับผิดชอบที่จะต้องรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชามาปฏิบัติให้สำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์
แบบของภาวะผู้ตาม (STYLE OF FOLLOWSHIP) เคลลี่ (KELLEY) ได้แบ่งประเภทของผู้ตามโดยใช้เกณฑ์ 2 มิติ ดังนี้
มิติที่ 1 คุณลักษณะ ของผู้ตามระหว่าง ความอิสระ (INDEPENDENT) (การพึ่งพาตนเอง) และความคิดสังสรรค์ (UNCRITICAL THINKING) ไม่อิสระ (พึ่งพาผู้อื่น) (DEPENDENT) และขาดความคิดสร้างสรรค์ (UNCRITICAL) พฤติกรรมของผู้ที่มีความเป็นอิสระ และความคิดสร้างสรรค์จะมีลักษณะเป็นผู้ ที่มีความคิดริเริ่ม และเสนอวิธีการใหมอยู่เสมอส่วนบุคคลที่มีลักษณะพึ่งพาผู้อื่นจะขาดความคิดริ เริม และคอยรับคำสั่งจากผู้นำโดยขาดการไตรตรอง
มิติที่ 2 คุณลักษณะของผู้ตามระหว่าง “ความกระตือรือร้น (ACTIVE BEHAVIOR) กับความเฉื่อยชา (PASSIVE BEHAVIOR)
คุณลักษณะพฤติกรรมของผู้ตาม 5 แบบมีดังนี้
1) ผู้ตามแบบห่างเหิน ผู้ตามแบบนี้เป็นคนเฉื่อยชา แต่มีความเป็นอิสระ และมีความคิดสร้างสรรค์สูง ผู้ตามแบบห่างเหินส่วนมาก เป็นผู้ตามที่มีประสิทธิผล มีประสบการณ์ และผ่านอุปสรรคมาก่อน
2) ผู้ตามแบบปรับตาม ผู้ตามแบบนี้ เรียกว่า ผู้ตามแบบครับผม เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แต่ขาดความคิดสร้างสรรค์
3) ผู้ตามแบบเอาตัวรอด ผู้ตามแบบนี้จะเลือกใช้ลักษณะผู้ตามแบบใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่จะเอื้อประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุดและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
4) ผู้ตามแบบเฉื่อยชา ผู้ตามแบบนี้ชอบพึ่งพาผู้อื่น ขาดความอิสระ ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
5) ผู้ตามแบบมีประสิทธิผล ผู้ตามแบบนี้เป็นผู้ที่ทีความตั้งใจในการปฏิบัติงานสูงมีความสามารถในการบริหารจัดการงานได้ด้วยตนเอง
ลักษณะผู้ตามที่มีประสิทธิผล ดังนี้
5.1 มีความสามรถในการบริหารจัดการตนเองได้ดี
5.2 มีความผูกพันธ์ต่อองค์การต่อวัตถุประสงค์
5.3 ทำงานเต็มศักยภาพ และสุดความสามารถ
5.4 มีความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ และน่าเชื่อถือ
การพัฒนาศักยภาพตนเองของผู้ตาม
การพัฒนาลักษณะนิสัยตนเองให้เป็นคนที่มีประสิทธิผลสูงมี 7 ประการคือ
1) ต้องมีนิสัยเชิงรุก (BE PROATIVE) หมายถึงไม่ต้องรอให้นายสั่ง
2) เริ่มต้นจากส่วนลึกในจิตใจ (BEGIN WITH THE END IN MIND)
3) ลงมือทำสิ่งแรกก่อน (PUT FIRST THINGS FIRST)
4) คิดแบบชนะทั้งสองฝ่าย (THINK WIN-WIN)
5) เข้าใจคนอื่นก่อนจะให้คนอื่นเข้าใจเรา (SEEK FIRST TO UNDERSTAND, THEN TO BE UNDERSTOOD)
6) การรวมพลัง (SYNERGY) หรือ ทำงานเป็นทีม (TEAM WORK)
7) ลับเลื่อยให้คม (SHARPEN THE SAW) คือพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
แนวทางส่งเสริมและพัฒนาผุ้ตามให้มีคุณลักษณะผู้ตามที่มีวัตถุประสงค์
1) การดูแลเอาใจใส่ เรื่องความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ให้กับบุคลากรเป็นธรรม
2) การจูงใจด้วยการให้รางวัลคำชมเชย
3) การให้ความรู้ และพัฒนาความคิดโดยการจัดโครงการฝึกอบรมสัมมนาและศึกษาดูงาน
4) ผู้นำต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่าง
5) มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง
6) ควรนำหลักการประเมินผลงานที่เน้นผลสัมฤทธิ์มาพิจารณาความดีความชอบ
7) ส่งเสริมการนำพุทธศาสนามาใช้ในการทำงาน
8) การส่งเสริมสนับสนุนให้ผุ้ตามนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการปฏิบัติงานอย่างจริงจัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น