วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประเด็นเสนอแนะสำหรับการปรับแก้ไข พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ #4/6



ประเด็นเสนอแนะสำหรับการปรับแก้ไข พรบ.การศึกษาแห่งชาติ: ประเด็นที่ ๔ การประเมินและประกันคุณภาพ
นำเสนอ คณะทำงานยกร่างฯ กมธ.การศึกษาฯ สนช
ผ่าน ผศ.ดร.สุรวาท ทองบุ ประธานที่ประชุมคณบดีศึกษาศาสตร์
โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
ศาสตราจารย์ ระดับ ๑๑
นายกสมาคมเทคโนโลยีการศึกษาแห่งประเทศไทย
ประเด็นที่ ๔ การประเมินและประกันคุณภาพ
สาระสำคัญ นับตั้งมี สมศ. เกิดขึ้นเมื่อ ๑๗ ปีมาแล้ว การประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาไม่ประสบความสำเร็จตามเจตนารมย์ ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณไปมหาศาล แต่คุณภาพการศึกษาของไทยไม่พัฒนาเท่าที่ควร จากการวิเคราะห์พบว่า สมศ.ดำเนินนโยบายการประเมินการศึกษาที่ไม่ครบวงจร มีการแบ่งการประเมินออกเป็นบางส่วนบางช่วงทุก ๕ ปี มีการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ทุกระยะ ๕ ปี ในด้านการดำเนินการ สมศ. ก็มอบอำนาจให้บริษัทเอกชนมาทำหน้าที่ประเมินระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ระดับอุดมศึกษา สมศ.ดำเนินการประเมินเอง ทำให้การประเมินการศึกษาภายนอก มิได้สนองเจตนาการประเมินคุณภาพภายนอกที่ชัดเจน จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการประเมินและผู้ดำเนินการประเมิน ตามแนวทางการดำเนินการขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (The International Organization for Standardization หรือ Organisation internationale de normalisation) เรียกสั้นๆ ว่า ISO (อ่านว่า ไอโซ ไม่ใช่ ไอ-เอส-โอ เพราะไม่ใช่คำย่อ แต่เป็นคำที่มาจากภาษาละตินว่า ISOS แปลว่า เสมอ หรือ เท่า) คือ ISO เป็นผู้กำหนดเกณฑ์และตัวบ่งชี้ และแต่งตั้งหน่วยงานภายนอกเป็น องค์กรรับรองคุณภาพ (Certifying Body-CB) สมศ ก็ควรดำเนินการในแบบเดียวกัย คือ กำหนดมาตรฐาน แต่สมศไม่ดำเนินการประเมินเอง มีหน้าที่กำกับดูแล ตรวจสอบและแต่งตั้งองค์กรภายนอกเป็นผู้ประเมินคุณภาพ โดยปราศจากการครอบงำ จากสมศ.หรือ ผู้มีอำนาจ
นอกจากนี้ การประเมินและรับรองมาตรฐานทุก ๕ ปีเป็นการเพิ่มภาระแก่สถานศึกษาและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา เป็นอย่างยิ่ง เพราะจะมีระยะเวลาที่ปลอดจากการประเมินเพียงไม่กี่ปี ก็ต้องเตรียมการรับการประเมินรอบต่อไปอีกแล้ว เพราะการประเมินแต่ละรอบ องค์ประกอบและตัวบ่งชึ้ก็เปลี่ยนแปลง จนมีคำกล่าวทีเล่นทีจริงว่า เสียเวลาปลูกผักชีเป็นปี และโรยผักชีหลายเดือนทำให้เป็นภาระสถานศึกษาและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นอย่าง จึงควรขยายเวลาเป็นการประเมินทุก ๑๐ ปี
แนวทางปรับ พรบ. ปรับข้อความในมาตรา ๔๗ และ ๔๙
มาตรา ๔๗ ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
ระบบ หลักเกณฑ์ กลไก และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๔๙ ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ และวิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และให้มีหน่วยงานประเมินคุณภาพภายนอกอิสระที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ เพื่อทำการประเมินผลการจัดการศึกษาตามเกณฑ์ และวิธีการประเมินคุณภาพภายนอกที่กำหนด เพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงความมุ่งหมายและหลักการและแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
ให้สถานศึกษาทำการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกสิบปีนับตั้งแต่การประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน


ที่มา โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
ศาสตราจารย์ ระดับ ๑๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น