วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความล้มเหลว

ความล้มเหลว
ความล้มเหลวคือแม่ของความสำเร็จ                           
ท่านประธานธนินท์มักกล่าวกับผู้บริหารและผู้ร่วมงานในเครือฯ อยู่เสมอว่า

"คนที่จะเป็นผู้บริหารระดับสูงไม่ควรมองที่ จุดด้อยของคนอื่น แล้วมองแต่จุดเด่นของตัวเอง เพราะว่าถ้าพยายามมองจุดด้อยของคนอื่น ก็จะคิดว่าตัวเองเก่งอยู่ทุกครั้ง ทุกทีไป  จึงไม่ได้มีความพยายามปรับตัว   เราต้องมองจุดเด่นของคนอื่น   แล้วหาทางใช้จุดเด่นของเขาให้เป็นประโยชน์  จึงสามารถทำงานใหญ่ได้"

โดยท่านถือหลักการในการบริหารคนและองค์กรที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า

"องค์กรที่ดีต้องประกอบด้วยคน 4 รุ่นคือ รุ่นอายุ 50 ปี รุ่นอายุ 40 ปี รุ่นอายุ 30 ปี และรุ่นอายุหนุ่มสาวที่เพิ่งจบการศึกษา เพราะคนเราต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เก่งอย่างไรก็ต้องมีวันหยุด เมื่อหยุดแล้วจะหาใครมาทดแทน เราต้องมีการสร้างคนอีก 3 รุ่นลงมารองรับไว้ก่อน"

ท่านประธานธนินท์ มีเหตุผลว่าธุรกิจจะดำเนินไปได้หรือขยายตัวได้และจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่คน ทุกอย่างล้วนมาจากคน เงินก็มาจากคน เทคโนโลยีก็มาจากคน

"ผมถือว่าคนเป็นทรัพยากรสำคัญที่ล้ำค่าอันเป็นหัวใจของทุกองค์กร  เราจึงต้องมีคนที่มีความรับผิดชอบสูง  มีความมานะพยายาม  มีความรู้ความสามารถ  และมีความซื่อสัตย์สุจริตอยู่ในองค์กรให้มากๆ จึงจะสามารถนำองค์กรหรือบริษัทไปสู่ความสำเร็จได้"

หากบริษัทอยากจะเจริญก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุด  ก็ต้องพัฒนาคนไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน ต้องสร้างคนให้มีคุณภาพ   เมื่อมีประสิทธิภาพก็เกิดประสิทธิผลในการทำงาน   ซึ่งสร้างประโยชน์ทั้งต่อบริษัท และสังคม ไม่มีอะไรที่ให้สังคมได้ดีที่สุดเท่ากับการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถ   ท่านประธานจึงให้ความสำคัญกับคนที่มีความรับผิดชอบสูง มีความอดทนเยี่ยม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความขยันหมั่นเพียรก่อน

เหตุผลคือ หาก "คน" มี 4 ประการแรกแล้ว สามารถพัฒนาตัวเองให้เป็นคนเก่งได้

"มนุษย์เราทุกคนมีความสำเร็จอยู่ในตัวเองทั้งนั้น ชีวิตคนทุกคนต้องมีจุดเด่นที่สามารถนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้   แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่าเป็นคนที่เหลิง หลงตัวเองว่าเก่ง เพราะวันนี้เก่ง   พรุ่งนี้อาจจะไม่เก่งก็ได้   อาจจะมีคนเก่งกว่าเราก็ได้   และถ้าเราเหลิงจะมีแต่ถอยหลัง อย่าลืมว่าโลกของเรามีแต่จะก้าวไปข้างหน้า"

ผู้บริหารที่จะประสบความสำเร็จนั้น นอกจากตัวเองจะมีความรู้   มีความสามารถในการตัดสินใจอย่างถูกจังหวะ    รวมถึงมองการณ์ไกลแล้วยังต้องได้รับความร่วมมือจากพนักงานในระดับปฏิบัติการอย่างเต็มความสามารถ   นั่นคือการเป็นเจ้านายที่ดีต้องอย่าทำตัวเหมือน "นก" แต่ให้เป็นเหมือน "หนอน"
เพราะการทำตัวเหมือน "นก" ก็มักแต่ชอบบินสูงอยู่บนฟากฟ้า คิดว่าตัวเองเหนือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา    ซึ่งบางครั้งก็อยู่สูงเกินไป   จนมองไม่เห็นความเป็นไปบนพื้นดิน
และการที่ ซี.พี.แตกบริษัทย่อย แบ่งกลุ่มธุรกิจออกไป เช่น กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม   กลุ่มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ   กลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และเคมีเกษตร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ฯลฯ นั้นก็เป็นวิธีการกระจายอำนาจ   กระจายหน้าที่ความรับผิดชอบ   กระจายความเสี่ยง   และการสร้างคน

"ผมมองคนอื่นว่าเก่งกว่าผมเสมอ   ผมไม่เคยมองใครว่าเก่งสู้ผมไม่ได้   สำหรับคนที่ทำงานกับเรา   ผมยึดหลักว่าจะต้องเปิดโอกาสให้เขาแสดงความสามารถ   เมื่อใครแสดงความสามารถออกมาเราจะต้องส่งเสริมสนับสนุนเขาให้มีตำแหน่งสูงๆ ขึ้นไป   เราต้องพยายามรักษาเขาให้อยู่กับเรานานที่สุด   เราจะต้องสร้างคนที่มีความสามารถให้
เกิดขึ้นมากๆ"

นอกจากนี้ ท่านประธานยังยึดคติพจน์ "ความล้มเหลวคือแม่ของความสำเร็จ"

"ผมชอบคนที่ทำงานเสียหายแล้วรู้ว่าเสียหายอย่างไร และผมจะให้โอกาสเขาแก้ตัวใหม่ แต่ถ้าทำเสียหายแล้ว   บอกว่าทำดีที่สุดแล้ว   ทำถูกต้องแล้ว   แถมยังโยนความผิดไปให้คนอื่น  คนอย่างนี้ผมไม่กล้าใช้ให้ทำงานอีกต่อไป"

ยิ่งการจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ท่านประธานธนินท์ยังมีมุมมองที่น่าสนใจ

"การที่จะทำอะไรให้สำเร็จ   อย่าเพิ่งไปคิดว่า เรามีกำไรเท่าไหร่   เราจะได้ผลประโยชน์อะไร เราน่าจะคิดว่างานชิ้นนี้เรามีโอกาสทำได้ดีที่สุดหรือเปล่า  แล้วทำสำเร็จได้หรือไม่ เราจะทำงานชิ้นนี้ให้ดีที่สุด   เราต้องทำให้ดีกว่าคนอื่น   แล้วความสำเร็จจะตามมา"

(จากส่วนหนึ่งใน "มุมคิด" เรื่องคนของ "ธนินท์" ซึ่งหยิบมาจากหนังสือ "36 กลยุทธ์ ธนินท์  เจียรวนนท์"  เรียบเรียงโดย วิจักษณ์ วรบัณฑิตย์ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น